เฉลิมชัย รถบ้าน

ที่สุดด้านคุณภาพและบริการ ต้องเฉลิมชัย รถบ้าน
โทร : 095-695-2897เปิดทำการทุกวัน
110/4 หมู่ 1 ต.หนองยาว อ.เมือง จ.สระบุรี

ซื้อรถมือสอง ต้องดูอะไรบ้าง?

ซื้อรถมือสอง ต้องดูอะไรบ้าง?

เช็กลิสต์ระดับผู้เชี่ยวชาญลดความเสี่ยง “ชนหนัก – จมน้ำ – ไมล์ย้อน – สวมทะเบียน”

รถมือสองที่ดี ไม่ได้ดูแค่ “สวย” หรือ “ผ่อนถูก” แต่ต้องดูให้ลึกอย่างน้อย 3 ชั้นสำคัญ ได้แก่

1) ความปลอดภัย รถเคยชนหนักจนโครงสร้างเสียหรือไม่

2) ความถูกต้องตามกฎหมาย เล่มทะเบียน เลขตัวถัง ภาษี และประวัติรถชัดเจนหรือไม่

3) ความคุ้มค่าในอนาคต ซ่อมแพงไหม อะไหล่หาง่ายหรือเปล่า ระบบหลักใกล้หมดอายุหรือยัง

บทความนี้จะพาคุณดูรถมือสองแบบ “เดินตรวจรถจริงทีละจุด” โดยไม่ต้องเป็นช่าง และไม่ต้องเสี่ยงโดนหลอก 

 ตรวจโครงสร้างตัวถัง

แยก “ชนเบา” กับ “ชนหนัก” ให้ออก (สำคัญที่สุด)

รถมือสองที่น่ากลัวที่สุด ไม่ใช่รถมีรอย แต่คือรถที่ โครงสร้างเคยรับแรง เพราะส่งผลต่อความปลอดภัยและการทรงตัวโดยตรง

 วิธีดูแบบมืออาชีพ

1.1 ดูช่องไฟรอบคัน (Gap)

ฝากระโปรง / ไฟหน้า / กันชน / ประตู ต้องห่างเท่า ๆ กันทั้งสองฝั่ง ถ้าข้างหนึ่งชิด ข้างหนึ่งห่าง → มีโอกาสเคยถอดประกอบหรือชน

1.2 ดูสันน็อตที่ฝากระโปรงและบานพับประตู

รถเดิมโรงงาน สันน็อตจะคม สีไม่ถลอก ถ้ามีรอยประแจ สีแตก หรือขีดข่วน → เคยถอดชิ้นส่วน

1.3 ดูรอยเชื่อม (Spot Weld) และซีลรอยต่อ

งานโรงงานจะเป็นจุดเชื่อมถี่ สม่ำเสมอ งานซ่อมหนักมักเชื่อมไม่สวย หรือซีลปาดไม่เรียบ

1.4 ส่องเสา A / B / C และพื้นห้องเครื่อง

เสา A / B คือโครงหลักกันยุบตอนชน ถ้าเห็นยับ คลื่น หรือพ่นสีทับหนา ๆ → เสี่ยงชนหนัก

 สรุป

รถ “ชนเบา” เปลี่ยนกันชนหรือฝากระโปรงได้ แต่รถที่ “ชนถึงโครงสร้าง” ต้องระวังมาก เพราะมูลค่าตก ขับไม่ตรง และอันตราย

 ตรวจร่องรอย “จมน้ำ / น้ำท่วม” แบบไม่โดนหลอก รถจมน้ำบางคัน ล้างจนดูเหมือนใหม่ แต่ปัญหาจะตามมาเป็นปี ๆ

โดยเฉพาะระบบไฟฟ้า กล่อง ECU และปลั๊กต่าง ๆ

จุดที่ช่างใช้ดูจริง

ใต้เบาะ : รางเบาะ / น็อตยึด ถ้ามีสนิมเป็นฝุ่นแดง → เสี่ยงจมน้ำ

ใต้พรม : กลิ่นอับ คราบน้ำ หรือคราบโคลน

ปลั๊กสายไฟใต้คอนโซล : คราบเขียว หรือขี้เกลือ

ช่องยางอะไหล่ท้ายรถ : คราบน้ำขังหรือสนิม

ไฟหน้า – ไฟท้าย : มีไอน้ำขังผิดปกติ

 ถ้ารถจมน้ำจริง ต่อให้วันนี้ยังใช้ได้ อีก 3–6 เดือน “ไฟโชว์ / ระบบรวน” มักมาแน่

 ตรวจ “ไมล์แท้ – ไมล์ย้อน” ด้วยตรรกะ (ไม่ใช่ดูตัวเลขอย่างเดียว) เลขไมล์อย่างเดียว เชื่อไม่ได้ ต้องดูว่า “สอดคล้องกับสภาพรถหรือไม่”

 วิธีดูแบบผู้เชี่ยวชาญ

พวงมาลัย หัวเกียร์ เบาะคนขับ ต้องสัมพันธ์กับเลขไมล์

ไมล์น้อย แต่หนังพวงมาลัยเงาวับ สึกหนัก → แปลก

ดูประวัติเข้าศูนย์ / บำรุงรักษา / สติ๊กเกอร์เปลี่ยนน้ำมัน

สแกน OBD (ถ้าร้านมี) เพื่อดูข้อมูลสะสมหรือโค้ดผิดปกติ

 ไมล์แท้ไม่สำคัญเท่า “ดูแลจริง” แต่ถ้าไมล์ย้อน = เสี่ยงโดนปั่นราคา

 ตรวจเครื่องยนต์แบบมืออาชีพ ฟังเสียง + ดูอาการ + ดูรอยรั่ว เครื่องยนต์ที่ดีต้อง สตาร์ทง่าย เดินเรียบ ไม่รั่ว ไม่ควัน ไม่ดันน้ำ

 เช็กเป็นขั้นตอน

4.1 สตาร์ทตอนเครื่องเย็น (สำคัญมาก) รถที่มีปัญหามักเริ่มออกอาการตอนเช้า

4.2 เปิดฝาน้ำมันเครื่องดูคราบ ถ้ามีคราบครีมขาวคล้ายมายองเนสจำนวนมาก อาจเสี่ยงน้ำเข้าเครื่องหรือปะเก็นฝาสูบ (บางกรณีเกิดจากขับระยะสั้น แต่ถ้าเยอะผิดปกติควรระวัง)

4.3 ดูน้ำหล่อเย็น ต้องใส สีตรงชนิด เปิดฝาหม้อน้ำ เฉพาะตอนเครื่องเย็น ดูฟองหรือคราบน้ำมัน

4.4 ดูรอยรั่วใต้เครื่อง แห้งสะอาด = ดี / เปียกน้ำมัน หรือมีคราบไหล = เตรียมงบซ่อม

4.5 ดูควันไอเสีย ดำจัด → ระบบเชื้อเพลิง / ขาวหนา → น้ำเข้าเผาไหม้ / ฟ้า → น้ำมันเครื่องเข้าห้องเผาไหม้

 ตรวจเกียร์

จุดที่คนทั่วไปพลาด แต่ค่าแก้ “หลักหมื่น–หลักแสน” เกียร์ออโต้ที่ดีต้อง เนียน ไม่หน่วง ไม่กระตุก

 วิธีทดลองขับแบบช่าง

ออกตัวเบา ๆ แล้วกระตุก → เสี่ยง

เร่งแซง 60–100 รอบขึ้นแต่รถไม่ไป → เกียร์ลื่น

เข้าเกียร์ R แล้วหน่วงหรือกระแทก → เริ่มมีอาการ

ทดลองขึ้นเนินหรือบรรทุก → จะเห็นอาการชัด

 รถบางคันขับในเมืองปกติ แต่พอขึ้นเขาหรือวิ่งไกล อาการจะออกทันที  ช่วงล่าง – พวงมาลัย – เบรก ต้อง “นิ่งและตรง” ช่วงล่างดี ไม่ใช่แค่ไม่ดัง แต่ต้องขับแล้ว ไม่พาเหนื่อย

 เช็กแบบมืออาชีพ

วิ่ง 80–100 แล้วปล่อยพวงมาลัยเบา ๆ รถไม่ควรไหล เบรกแรง รถไม่ควรปัด

ผ่านลูกระนาด มีเสียงกึกกัก = ลูกหมาก / บูช / โช้ค

พวงมาลัยฟรีมากผิดปกติ = ชุดแร็ค

 ระบบไฟฟ้าและออปชัน

จุด “จุกจิก” ที่ทำให้รำคาญที่สุด ให้ลองทุกอย่างต่อหน้าเซลล์ ไม่ต้องเกรงใจ กระจกทุกบาน / พับกระจก แอร์เย็นเร็วไหม มีเสียงคอมเพรสเซอร์หรือไม่

กล้อง / เซนเซอร์ / จอ / ปุ่มบนพวงมาลัย / ไฟเตือน ABS / Airbag / Engine ต้องไม่โชว์ค้าง

 รถไฟฟ้ารวน = ใช้จริงแล้วปวดหัว โดยเฉพาะรถที่เคยจมน้ำหรือซ่อมหนัก

 เอกสาร – กฎหมาย เล่มต้อง “สะอาด” ไม่ใช่แค่มีเล่ม

นี่คือสิ่งที่ทำให้ ซื้อแล้วโอนไม่ได้ / โดนยึด / โดนสวม

เช็กให้ครบ

เลขตัวถัง / เลขเครื่อง ตรงเล่ม

ภาษี พ.ร.บ. หมดเมื่อไหร่

รถติดไฟแนนซ์หรือไม่

ประวัติโอนผิดปกติหรือเปล่า

เคยเป็นรถเช่า รถบริษัท หรือรถประมูลหรือไม่

 เล่มสวย = โอนง่าย ขายต่อดี

 ประเมิน “ค่าใช้จ่ายหลังซื้อ” (มืออาชีพต้องคิดส่วนนี้)

รถมือสองคุ้มจริง ต้องคิดค่า รีเฟรชหลังซื้อ

เช่น เปลี่ยนถ่ายของเหลวทั้งหมด / ยาง / แบตเตอรี่ / ผ้าเบรก / สายพาน / ปั๊มน้ำ (บางรุ่น)

 ต่อให้รถดีมาก การรีเฟรชทำให้ขับสบายและปลอดภัยกว่า

 วิธีเลือกเต็นท์ / ร้าน 5 ข้อที่บอกว่า “น่าเชื่อถือ”

ร้านที่มั่นใจในรถ จะไม่กลัวการตรวจ และไม่พูดเลี่ยง

ร้านที่ดีมัก ให้ลองขับและตรวจจริง

กล้าเปิดเผยประวัติและจุดที่ทำสี

มีทีมช่างตรวจสภาพก่อนส่ง

มีเงื่อนไขรับประกันชัดเจน

มีหน้าร้านและช่องทางติดต่อจริง

สรุปเช็กลิสต์ 10 นาที ก่อนตัดสินใจซื้อ

 โครงสร้างดี ช่องไฟตรง น็อตเดิม

 ไม่จมน้ำ

 ไมล์สมเหตุสมผล

 เครื่องไม่รั่ว ไม่ควัน

 เกียร์ไม่กระตุก

 ช่วงล่างนิ่ง เบรกตรง

 ระบบไฟฟ้าใช้งานครบ

 เอกสารถูกต้อง โอนชัวร์

 คิดค่ารีเฟรชหลังซื้อ

 เลือกร้านที่รับผิดชอบ

แบ่งปัน

Post navigation

check-credit