เฉลิมชัย รถบ้าน

ที่สุดด้านคุณภาพและบริการ ต้องเฉลิมชัย รถบ้าน
โทร : 096-242-8639 เปิดทำการทุกวัน
110/4 หมู่ 1 ต.หนองยาว อ.เมือง จ.สระบุรี

Author: tcceditor1

อัปเดต 2568 ต่อภาษีรถยนต์ วันเสาร์-อาทิตย์ที่ไหนได้บ้าง?

หนึ่งในหน้าที่สำคัญของคนมีรถทุกคนคือเรื่องการต่อภาษีรถยนต์ประจำปี หรือที่เรียก ๆ กันว่าต่อทะเบียนรถนั่นเอง แต่หลายคนกลับไม่สะดวกลางานไปจัดการ เลยเกิดความสงสัยว่าจะต่อภาษีรถยนต์ วันเสาร์-อาทิตย์ได้มั้ย ไปวันหยุดได้มั้ย หรือต่อภาษีออนไลน์ได้หรือเปล่า บทความนี้รู้ใจลิสต์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องมาให้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเอกสารที่จำเป็น และขั้นตอนการต่อภาษีรถยนต์อย่างละเอียด จะมีอะไรบ้าง ตามไปดูกันเลย

วันเสาร์-อาทิตย์ ต่อภาษีรถยนต์ ที่ไหนได้บ้าง?

อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ ว่าการต่อภาษีรถยนต์และรถจักรยานยนต์ สามารถดำเนินการต่อภาษีออนไลน์หรือออฟไลน์

ซื้อรถมือ2อายุไม่เกิน5ปี คุ้มกว่าซื้อป้ายแดงไหม

ราคารถใหม่ในปัจจุบันเมื่อเทียบกับอดีตนับว่าสูงขึ้นมาก จนทำให้หลายคนที่คิดจะซื้อรถต่างคิดแล้วคิดอีกว่าจะก่อหนี้ก้อนโตดีหรือไม่ โชคดีที่มีตลาดรถยนต์มือสองราคาไม่แพง แต่อายุของรถก็เป็นสิ่งที่อดคิดไม่ได้ว่ามันเก่าไปไหม จะซื้อดีหรือไม่?

สำหรับรถยนต์มือสองที่มีอายุ 2-5 ปี ก็ถือว่าไม่เก่าเลยเมื่อเทียบกับอายุในตลาดรถยนต์ แถมมีความคุ้มค่ามากในราคาที่ต่ำกว่ารถยนต์ใหม่เอี่ยม อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณเจอรถมือสองสภาพดี มันจะกลายเป็นรถที่มีความคุ้มค่ากับเงินที่เสียไปอย่างแน่นนอน เราลองมาเรียนรู้ข้อดี ข้อเสีย ของการซื้อรถยนต์อายุไม่เกิน 5 ปี พร้อมวิธีการตรวจสอบก่อนตัดสินใจซื้อ

รถมือสองอายุเท่าไหร่ดีที่สุด

หลักการทั่วไปของการเลือกรถยนต์มือสอง คือ หารถยนต์ที่มีอายุระหว่าง 2 ถึง 5 ปี เพราะยังเป็นรถที่มีความสดใหม่ในตลาดรถยนต์ บางคันวิ่งใช้งานน้อยหลักหมื่นกิโลต้นๆ แต่ถ้าโชคดีอาจเจอรถวิ่งหลักพันโลก็เป็นได้ ดังนั้นส่วนประกอบต่างๆ ของตัวรถยังมีการสึกหรอตามธรรมชาติหรือการใช้งานน้อยนั่นเอง แถมยังมีโอกาสน้อยมากที่จะเกิดสนิมหรือการกัดกร่อนในรถที่มีอายุเพียงไม่กี่ปี

อย่างไรก็ตาม บางคนอาจมีงบจำกัด ทำให้ไม่สามารถเอื้อมถึงรถมือสองอายุน้อยได้ ลองหันมามองพวกรถยนต์รถมือสองที่มีอายุ 5-10 ปี เพราะไม่เพียงแต่จะมีราคาถูกกว่ารถอายุ 2 ปี เท่านั้น แต่เจ้าของเดิมหลายรายก็ยังรักษารถให้รถอยู่ในสภาพดีอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการดูแลรักษา การเข้าเช็คระยะตรงตามเวลา หรือใช้อะไหล่แท้จากศูนย์บริการเมื่อต้องเปลี่ยนส่วนที่สึกหรอ ทำให้มันยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีเยี่ยมแม้จะมีอายุเกิน 5 ปี แล้วก็ตาม

ข้อดีของการซื้อรถมือสองอายุไม่เกิน 5 ปี

· ประหยัดเงินมากขึ้น: สำคัญที่สุดของการซื้อรถมือสองรุ่นเก่า คือ ประหยัดเงินมากกว่าซื้อรถใหม่ เพราะรถมือสองอายุ 5 ปี ไม่เพียงแต่ราคาถูกกว่ารถใหม่เท่านั้น แต่คุณยังจะจ่ายเงินน้อยลงเมื่อซื้อประกันภัยอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น การผ่อนจ่ายรถยนต์มือสองอาจหมดเร็วกว่าซื้อรถยนต์ใหม่อีกด้วย ซึ่งขึ้นอยู่กับเงินดาวน์หรือโปรโมชั่นทางบริษัทสินเชื่อ ณ เวลานั้นๆ แต่ถ้าใครซื้อสดบอกเลยว่าคุ้มค่ากว่าแน่นอน

· ความทนทาน: ในอดีตที่ผ่านมารถยนต์มือสองมีชื่อเสียงในด้านลบและมีปัญหามากมาย แต่ตอนนี้จะไม่ไม่เป็นเช่นนั้นอีกต่อไป เพราะรถยนต์ที่ผลิตในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมามีความปลอดภัย แข็งแรง ประหยัดน้ำมัน และทนทานต่อการใช้งานมากขึ้น

· Aftermarket: อุปกรณ์เสริมในตลาดหลังการขายมีให้เลือกมากมาย และมีราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับรถยนต์รุ่นใหม่ นอกจากนี้ คุณยังสามารถหาอุปกรณ์อัปเกรดและติดตั้งอุปกรณ์เสริมในราคาที่คุ้มค่าให้กับรถเก่าได้ เช่น ระบบแจ้งเตือนมุมอับสายตา กล้องมุมมองรอบคัน 360 องศา เซ็นเซอร์ถอยหลัง รวมถึงหน้าจอให้ความบันเทิงพร้อมการเชื่อมต่อ Android Auto และ Apple Carplay เป็นต้น

ข้อเสียของการซื้อรถอายุไม่เกิน 5 ปี

· นวัตกรรมด้อยกว่า: การซื้อรถมือสองรุ่นเก่าอาจหมายถึงการพลาดคุณสมบัติใหม่ๆ แม้ว่า 5 ปี อาจเป็นเวลาที่ไม่นานนัก แต่เทคโนโลยีหรือนวัตกรรมมากมายกลายเป็นคุณสมบัติมาตรฐานในรถยนต์รุ่นใหม่ ตัวอย่างเช่น เมื่อ 5 ปีที่แล้ว เทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่อย่างระบบอย่างช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนและช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน หรือเทคโนโลยีไฮบริด จะอยู่ในรถที่มีราคาแพงหรือราคาสูงกว่า 1 ล้านบาท แต่ในปัจจุบันรถใหม่ไม่เกินล้านบาทก็มีมาให้เป็นมาตรฐานแล้ว

· ค่าซ่อมแพงกว่ารถใหม่: แม้ว่าเจ้าของคนก่อนจะดูแลรักษารถเป็นอย่างดี แต่ชิ้นส่วนอื่นๆ ก็ยังคงเสื่อมสภาพไปตามเวลา แม้ว่าคุณจะประหยัดเงินจากการซื้อรถยนต์มือสองอายุ 5 ปี แต่ก็ยังต้องจัดสรรเงินบางส่วนเพื่อซ่อมแซมและเปลี่ยนชิ้นส่วนรถยนต์อยู่ดี

· Warranty: การรับประกันจากผู้ผลิตก็เป็นเรื่องสำคัญ รถใหม่ในปัจจุบันที่มาจากโรงงานจะมีระยะรับประกันสูงสุด 5 ปี หรือ 150,000 กม. โดยเงื่อนไขนี้จะแตกต่างกันไปแต่ละแบรนด์ รวมถึงโปรโมชั่นค่าแรงในการนำรถเข้าเช็คบริการต่างๆ แต่ถ้าเป็นรถมือสองอายุ 2 ปี และมีการใช้งานไม่เกินจากที่กำหนดไว้ก็จะอยู่ในการรับประกันเช่นกัน แต่ถ้าเป็นรถมือสองอายุ 5 ปีขึ้นไป การรับประกันก็จะหมดไปโดยบริยาย ซึ่งจะทำให้ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมมากขึ้นเมื่อเทียบกับรถใหม่

· ค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิง: รถยนต์อายุมากขึ้นมักมีความประหยัดในการเผาไหม้เชื้อเพลิงน้อยลง ซึ่งอาจทำให้ต้องจ่ายเงินค่าน้ำมันมากขึ้นในระยะยาว

· คุณภาพ: คุณอาจไม่สามารถทราบประวัติการใช้งานของรถอย่างชัดเจน นอกจากนี้ รถยนต์มือสองที่มีอายุมากขึ้นอาจมีประวัติการชนหรือการใช้งานที่ไม่ค่อยดี ซึ่งอาจทำให้คุณต้องเสียเวลาและเงินในการซ่อมแซมหรือดูแลรักษารถ

อย่าเพิ่งซื้อรถมือสองถ้ายังไม่ได้ตรวจ 5 เรื่องนี้

1. โครงสร้าง (ความปลอดภัยสูงสุดของตัวรถ)

การตรวจสอบโครงสร้างเป็นหัวใจสำคัญ เพื่อให้มั่นใจว่ารถยังคงความแข็งแรง ไม่เคยผ่านการชนที่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างหลักหรือแชสซี

สิ่งสำคัญ: หากโครงสร้างรถยนต์เกิดความเสียหายในระดับที่ส่งผลต่อความปลอดภัย

2. เครื่องยนต์ (ขุมพลังและสมรรถนะของรถ)

เครื่องยนต์ที่ดีคือหัวใจของรถยนต์ทุกคัน เราตรวจสอบทั้งประสิทธิภาพ ความสมบูรณ์ และความโปร่งใสในประวัติการใช้งาน

*ยกเว้นการติดตั้งจากโรงงานที่ผลิตรถยนต์คันนั้น โดยอุปกรณ์ทุกอย่างจะต้องอยู่ในสภาพปกติ

3. สภาพภายนอก (ความสมบูรณ์ของตัวถังและการทำสี)

ความสวยงามของรถยนต์เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ผู้ซื้อนั้นให้ความสนใจ และเราตรวจสอบตัวถังและการทำสีอย่างละเอียด

4. สภาพภายใน (ห้องโดยสาร)

เราตรวจสอบความสมบูรณ์ และการใช้งานของอุปกรณ์ในห้องโดยสาร เพื่อให้คุณมั่นใจในทุกการขับขี่

5. ระดับน้ำท่วม

เลือกซื้อรถมือสองกับเรา เพราะคุณค่าของรถยนต์ที่ดีไม่ได้อยู่แค่ที่ราคา แต่อยู่ที่ ความปลอดภัย คุณภาพ และความมั่นใจ ในทุกการเดินทาง

7 รถที่ราคาไม่ตก ขายต่อไม่เจ็บตัว มีรุ่นไหนบ้าง

1. Toyota Fortuner

Fortuner มือสอง ยืนหนึ่งรถที่ราคาไม่ตก เพราะแบรนด์ Toyota ได้รับความนิยมสูงสุดในไทย มีความน่าเชื่อถือสูง แถมยังขึ้นชื่อเรื่องความทนทาน หมดห่วงเรื่องศูนย์บริการและราคาอะไหล่ จึงไม่แปลกใจว่าทำไมฟอร์จูนเนอร์มือสองถึงขายดีจนมียอดขายมากที่สุดในไทย

เท่านั้นยังไม่พอ ตัวท็อปรุ่น GR Sport ยังแรงที่สุดในกลุ่มรถ PPV ด้วย แต่ราคาก็แรงสุดเช่นกัน

ยิ่งไปกว่านั้น ทุกโฉมของเจ้ารถคุกกี้คันนี้ยังหามีคนหาซื้ออยู่ตลอด นับว่าความต้องการสูงมาก ไม่เคยพลาดที่ 1 รถอเนกประสงค์มือสองใน one2car เลยสักครั้ง!

2. Honda Civic

ฮอนด้าซีวิคมือสองเป็นรถเก๋งที่ราคาไม่ตก แถมความนิยมก็ไม่เคยเสื่อมคลาย ยืนยันได้จาก 11 เจเนอเรชันที่มีมาทั้งหมด เพราะแบบนี้ Honda Civic มือสอง จึงเป็นรถเก๋งอันดับ 1 ในไทย และเป็นรุ่นที่คนเสิร์ชหามากที่สุดใน one2car ด้วย

ดีไซน์ถูกใจวัยรุ่นและวัยทำงาน เหมาะกับทุกเพศทุกวัย เข้ากับไลฟ์สไตล์คนเมือง แต่ละโฉมยังมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง บ่งบอกสไตล์ของผู้ขับได้

โดยโฉมที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ Honda Civic Gen 10 หรือ Civic FC ที่มักเรียกกันว่า ‘กันดั้ม’ นั่นเอง

  • ราคาเปิดตัว Civic FC อยู่ที่ 869,000 – 1,199,000 บาท
  • ราคามือสองเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 600,000 – 840,000 บาท ลดจากมือหนึ่งไป 269,000 – 359,000 บาท

3. Toyota Hilux Revo

ในบรรดารถกระบะ Toyota Hilux Revo มือสอง คือรุ่นที่ราคาแข็งเป็นอันดับต้น ๆ เลยก็ว่าได้ ด้วยความที่ได้รับความนิยมสูงมาก คนมักนำไปใช้เป็นกระบะทำมาหากิน จึงมีความต้องการซื้อขายอยู่ตลอดเวลา

บวกกับความอึด! ถึก! ทน! และความน่าเชื่อถือของแบรนด์ ก็มีส่วนทำให้มันน่าซื้อ ด้วยเหตุนี้ รีโว่เลยเป็นรถที่ราคาไม่ตกเท่าไรนักเมื่อเทียบกับคู่แข่งแบรนด์รองหลายแบรนด์

ยกตัวอย่าง Toyota Hilux Revo smartcab 2.4 Z Edition Entry

  • ราคามือหนึ่ง 719,000 บาท
  • ราคาเฉลี่ยมือสองปี 2022 อยู่ที่ 460,000 บาท ลดจากมือหนึ่งไป 259,000 บาท

4. ISUZU D-Max

แม้ว่า ISUZU D-Max มือสอง จะมีคนลงขายรถเยอะกว่าเพื่อนในหมู่รถกระบะมือสองด้วยกัน แต่มันคือรถที่ซื้อง่ายขายคล่องสุด ๆ แถมยังครองใจคนไทยมาอย่างยาวนาน พูดง่าย ๆ คือคนส่วนใหญ่เชื่อมั่นในแบรนด์นี้

ที่เห็นได้ชัดเลยคือ เขาขึ้นชื่อเรื่องความประหยัด ทนทาน ไม่จุกจิก อะไหล่หาง่าย ราคาไม่แพง เข้าอู่ไหนก็ซ่อมได้

ด้วยเหตุนี้ ดีแม็กซ์เลยเป็นรถที่ราคาไม่ตก ซื้อไปใช้ก็คุ้ม ขายต่อก็ได้ราคาดี

ยกตัวอย่าง D-max space cab รุ่น 1.9 S โฉมปี 2020

  • ราคาตอนเปิดตัว = 640,000 บาท
  • ราคามือสองเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 480,000 บาท ลดจากมือหนึ่งไปประมาณ 160,000 บาท

5. Honda CR-V

Honda CR-V มือสอง เป็นรุ่นที่ทำให้รถ SUV บูมในไทย! และยังเป็นหนึ่งในรถที่ราคาไม่ตก(มาก)เมื่อเทียบกับคู่แข่ง

ยกตัวอย่าง Mazda CX-5 มือสอง ราคาหายไปเกือบล้าน (แต่รถโคตรน่าใช้) ตัวเริ่มต้นโฉมปี 2017 ราคา 1,290,000 บาท แต่มือสองเริ่มเพียง 299,000 บาท ไม่ถึงครึ่งล้านด้วยซ้ำ

ส่วนราคา CR-V มือสองปี 2017 ยังเกินครึ่งล้านอยู่เลย

  • ราคาเปิดตัว Honda CR-V 2017 = 1,399,000 – 1,699,000 บาท
  • ราคากลางมือสองอยู่ที่ = 700,000 – 850,000 บาท ลดจากมือหนึ่งไปประมาณ 699,000 – 849,000 บาท

6. Honda Civic Hatchback

ปกติซีวิคก็ราคาแข็งอยู่แล้ว เจอ Honda Civic Hatchback มือสอง (Civic FK) เข้าไป บอกเลยว่ายิ่งกว่า เพราะ Civic FK มือสอง เป็นโฉม Hatchback ที่ไม่ค่อยมีในไทย เผลอ ๆ อาจกลายเป็นของแรร์ด้วยซ้ำ

ที่สำคัญ คือ ดีไซน์มันสวยมาก ๆ แถมหน้าตาดันมาคล้ายกับ Civic FK Type R อีก ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนชอบ Civic FK มือสอง ถึงขั้น ‘ของมันต้องมี’

เปิดตัวมาช่วงปี 2019 ตอนนี้ 2024 แล้ว ผ่านไป 5 ปี ราคาหายไปแค่ 3 แสนกว่าเอง 

  • ราคามือหนึ่ง Civic FK RS (ตัวท็อป) = 1,229,000 บาท
  • ราคามือสองอยู่ที่ประมาณ = 900,000 บาท ลดจากมือหนึ่งไปประมาณ 329,000 บาท

7. Honda Jazz

แม้ว่า Honda Jazz จะเลิกทำการตลาดและมี Honda City Hatchback มาแทนที่ แต่มันยังคงฮิตอย่างเนื่อง ทั้ง Honda Jazz GD GE GK ต่างก็ได้รับความนิยมทุกโฉม

โดยเฉพาะโฉม GK ที่สวยลงตัวที่สุด และกำลังจะกลายเป็นของแรร์ด้วย แถมยังเป็นรถ Hatchbackที่มีจุดเด่นเรื่องความกว้าง ยอมรับว่าเป็นรถเล็กที่จุของได้เยอะมาก นอกจากนี้ วัยรุ่นยังนิยมนำไปแต่งซิ่ง แต่งสวย อีกด้วย

  • ราคามือหนึ่ง Honda Jazz 1.5 RS ปี 2018 = 745,000 บาท
  • Honda Jazz 1.5 RS 2018 มือสอง ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 460,000 บาท ลดจากมือหนึ่งไปประมาณ 285,000 บาท

5 รถราคาไม่ตก ใช้จนคุ้ม 10 ปี ก็ยังขายง่าย

1. Toyota Fortuner รุ่น 2020

รถยนต์ Toyota Fortuner เป็นรถยนต์ประเภท PPV ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับ 1 เพราะมาพร้อมกับที่ดูดีมีระดับ และฟังก์ชันเสริมที่ครบเครื่อง แฝงไปด้วยความดุดันเป็นเอกลักษณ์ ส่งผลให้รถยนต์รุ่นนี้สามารถไปต่อได้อีกยาว ๆ เนื่องจากความต้องการในตลาดรถมือสองสูง ราคาไม่ตกง่าย ๆ อย่างแน่นอน

  • ราคาจำหน่าย (ป้ายแดง): เริ่มต้นที่ 1,104,000-1,536,000 บาท
  • ราคาจำหน่าย (มือสอง): 780,000-1,050,000 บาท
2. Isuzu D-Max

Isuzu D-Max รถกระบะเครื่องยนต์ดีเซล มีความแรงให้เลือกหลายระดับ แถมยังมีศูนย์บริการทั่วประเทศ แถมยังเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ช่วยประหยัดน้ำมันได้ดีมาก ซึ่งในตลาดรถมือสองก็ถือว่าได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ถ้าหากรถของคุณยังอยู่ในสภาพดีแล้วล่ะก็ บอกเลยว่ากระบะมือสองขายตอนไหนก็คุ้ม!

  • ราคาจำหน่าย (ป้ายแดง): เริ่มต้นที่ 469,000-599,000 บาท
  • ราคาจำหน่าย (มือสอง): 430,000-480,000 บาท
3. Honda Jazz รุ่นปี 2019

Honda Jazz รุ่นปี 2019 นับเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่ได้รับความนิยมไม่แพ้ใคร ด้วยรูปลักษณ์ที่สวยงาม ปราดเปรียว ตอบโจทย์ทุกการขับเคลื่อนบนท้องถนนได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการขับขี่ในเมือง หาที่จอดก็ง่าย คล่องตัว แถมยังช่วยประหยัดน้ำมันได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นในเรื่องของ “พื้นที่เก็บสัมภาระ” ที่สามารถพับเบาะหลังเพื่อเพิ่มขนาดของพื้นที่ให้กว้างขึ้นได้

  • ราคาจำหน่าย (ป้ายแดง): เริ่มต้นที่ 590,000-715,000 บาท
  • ราคาจำหน่าย (มือสอง): 420,000-520,000 บาท
4. Honda CRV รุ่นปี 2018

Honda CRV เป็นรถยนต์ประเภท SUV ที่ตอบโจทย์ความต้องการของสายครอบครัวได้ค่อนข้างมาก แถมยังมาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่หรูหรา ทันสมัย และมี “ระบบควบคุมอัจฉริยะ” ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ให้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ประหยัดน้ำมัน แถมรองรับการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง E85 อีกด้วย

  • ราคาจำหน่าย (ป้ายแดง): เริ่มต้นที่ 1,168,000-1,543,000 บาท
  • ราคาจำหน่าย (มือสอง): 750,000-890,000 บาท
5. Toyota Vios รุ่นปี 2019

Toyota Vios รุ่นปี 2019 มีการเพิ่มออฟชั่นเพิ่มเติม พร้อมกับปรับรุ่นย่อยให้คุณมีตัวเลือกที่เพิ่มขึ้น เปิดตัวมาพร้อมกับอุปกรณ์ต่าง ๆ อย่างครบครัน ช่วยให้การใช้รถใช้ถนนเกิดความคุ้มค่ามากที่สุด ไม่ว่าขับขี่ในเมือง นอกเมือง หรือที่ไหน ๆ บอกเลยว่าเล็ก ๆ แบบนี้ก็เอาอยู่! หากคุณต้องการขายต่อรถยนต์รุ่นนี้แล้วล่ะก็ บอกเลยว่าคุ้มค่าอย่างแน่นอน

  • ราคาจำหน่าย (ป้ายแดง): เริ่มต้นที่ 559,000-734,000 บาท
  • ราคาจำหน่าย (มือสอง): 390,000-530,000 บาท

สีรถมงคล ประจำปี 2568

สายมูต้องมากับ สีรถถูกโฉลกตามวันเกิด หลายๆ คนคาดหวังว่าในชีวิตจะต้องมีโชค รุ่งโรจน์ทั้งการงาน การเงิน สุขภาพ ครอบครัวอันเป็นที่รักต้องสมบูรณ์พร้อม จึงเลือกปฏิบัติตามความเชื่อของคนไทย แม้ไม่ใช่สายมูก็ทำสักหน่อย ไม่ได้เสียหายอะไร เพราะการเลือกซื้อรถนอกเหนือจากรุ่น ราคา สมรรถนะ ฤกษ์ดี ฤกษ์มงคลแล้ว ยังมีการเลือกสีรถให้ถูกโฉลกตามวันเกิดอีกด้วย

สีรถถูกโฉลกตามวันเกิดวันอาทิตย์ 

  • สีเสริมบารมี อำนาจ- รถสีแดงหรือสีแดงเลือดหมู 
  • สีเสริมการเงิน และโชคลาภ- รถสีดำ 
  • สีเสริมความปลอดภัย- รถสีขาว สีครีม 
  • สีเสริมความน่าเชื่อถือ- รถสีม่วงเปลือกมังคุด 
  • สีเสริมเสริมดวงให้คนรักเมตตา- รถสีเขียว 
  • สีเสริมดวงเรื่องเมตตามหานิยม- รถสีบรอนซ์ สีเทา สีทอง 

สีรถต้องห้ามคนเกิดวันอาทิตย์ ได้แก่ รถสีฟ้า สีน้ำเงิน เพราะเป็นอุปสรรคในการดำเนินชีวิต

สีรถถูกโฉลกตามวันเกิดวันจันทร์ 

  • สีเสริมบารมี อำนาจ- รถสีเขียว
  • สีเสริมการเงิน และโชคลาภ- รถสีส้ม สีเหลือง
  • สีเสริมความปลอดภัย- รถสีดำ
  • สีเสริมความน่าเชื่อถือ- รถสีม่วงเปลือกมังคุด สีฟ้า
  • สีเสริมเสริมดวงให้คนรักเมตตา-  รถสีน้ำเงิน สีทอง     
  • สีเสริมดวงเรื่องเมตตามหานิยม- รถสีชมพู      

สีรถต้องห้ามคนเกิดวันจันทร์ ได้แก่ รถสีแดง เพราะเป็นอุปสรรคในการดำเนินชีวิต

สีรถถูกโฉลกตามวันเกิดวันอังคาร

  • สีเสริมบารมี อำนาจ- รถสีดำ 
  • สีเสริมการเงิน และโชคลาภ- รถสีม่วงแก่
  • สีเสริมความปลอดภัย- รถสีทอง สีแสด 
  • สีเสริมความน่าเชื่อถือ- รถสีบรอนซ์ สีเทา
  • สีเสริมเสริมดวงให้คนรักเมตตา- รถสีน้ำตาล สีเขียว
  • สีเสริมดวงเรื่องเมตตามหานิยม- รถสีแดง สีชมพู

สีรถต้องห้ามคนเกิดวันอังคาร ได้แก่ รถสีขาว สีครีม เพราะเป็นอุปสรรคในการดำเนินชีวิต

สีรถถูกโฉลกตามวันเกิดวันพุธ (กลางวัน) 

  • สีเสริมบารมี อำนาจ- รถสีน้ำตาล สีทอง
  • สีเสริมการเงิน และโชคลาภ- รถสีม่วงแก่
  • สีเสริมความปลอดภัย- รถสีเทา สีบรอนซ์
  • สีเสริมความน่าเชื่อถือ- รถสีน้ำเงิน สีฟ้า
  • สีเสริมเสริมดวงให้คนรักเมตตา- รถสีเขียว สีดำ
  • สีเสริมดวงเรื่องเมตตามหานิยม- รถสีขาว สีเหลืองอ่อน 

สีรถต้องห้ามคนเกิดวันพุธ (กลางวัน) ได้แก่ รถสีชมพู สีแสด เพราะเป็นอุปสรรคในการดำเนินชีวิต

สีรถถูกโฉลกตามวันเกิดวันพุธ (กลางคืน) 

  • สีเสริมบารมี อำนาจ- รถสีดำ
  • สีเสริมการเงิน และโชคลาภ- รถสีแดง สีน้ำตาล
  • สีเสริมความปลอดภัย- รถสีเทา สีบรอนซ์
  • สีเสริมความน่าเชื่อถือ- รถสีชมพู
  • สีเสริมเสริมดวงให้คนรักเมตตา- รถสีน้ำเงิน สีฟ้า
  • สีเสริมดวงเรื่องเมตตามหานิยม- รถสีม่วงแก่

สีรถต้องห้ามคนเกิดวันพุธ (กลางคืน) ได้แก่ รถสีแสด สีทอง เพราะเป็นอุปสรรคในการดำเนินชีวิต

สีรถถูกโฉลกตามวันเกิดวันพฤหัสบดี

  • สีเสริมบารมี อำนาจ- รถสีส้ม สีทอง
  • สีเสริมการเงิน และโชคลาภ- รถสีฟ้า
  • สีเสริมความปลอดภัย- รถสีแดง
  • สีเสริมความน่าเชื่อถือ- รถสีขาว
  • สีเสริมเสริมดวงให้คนรักเมตตา- รถสีเทา สีบรอนซ์
  • สีเสริมดวงเรื่องเมตตามหานิยม- รถสีเขียว

สีรถต้องห้ามคนเกิดวันพฤหัสบดี ได้แก่ รถสีดำ สีม่วง สีน้ำเงิน เพราะเป็นอุปสรรคในการดำเนินชีวิต

สีรถถูกโฉลกตามวันเกิดวันศุกร์ 

  • สีเสริมบารมี อำนาจ- รถสีแดง สีทอง
  • สีเสริมการเงิน และโชคลาภ- รถสีน้ำตาล สีฟ้า สีน้ำเงิน
  • สีเสริมความปลอดภัย- รถสีแดง สีชมพู
  • สีเสริมความน่าเชื่อถือ- รถสีเขียว
  • สีเสริมเสริมดวงให้คนรักเมตตา- รถสีดำ
  • สีเสริมดวงเรื่องเมตตามหานิยม- รถสีเหลือง สีทอง

สีรถต้องห้ามคนเกิดวันศุกร์ ได้แก่ รถสีเทา สีบรอนซ์ สีม่วง เพราะเป็นอุปสรรคในการดำเนินชีวิต

สีรถถูกโฉลกตามวันเกิดวันเสาร์

  • สีเสริมบารมี อำนาจ- รถสีทองสีเหลือง
  • สีเสริมการเงิน และโชคลาภ- รถสีเทา สีบรอนซ์
  • สีเสริมความปลอดภัย- รถสีน้ำเงิน สีฟ้า
  • สีเสริมความน่าเชื่อถือ- รถสีแดง
  • สีเสริมเสริมดวงให้คนรักเมตตา- รถสีชมพู
  • สีเสริมดวงเรื่องเมตตามหานิยม- รถสีดำ สีม่วงแก่

สีรถต้องห้ามคนเกิดวันเสาร์ ได้แก่ รถสีเขียว สีแสด เพราะเป็นอุปสรรคในการดำเนินชีวิต

6 พฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุขณะขับขี่

  1. อย่าขับรถประชิดคันหน้ามากเกินไป ควรเว้นระยะห่าง 2 ช่วงคันรถ
  2. อย่าขับรถตอนอ่อนเพลีย เจ็บปวด ง่วงนอน
  3. ขับรถตามกฎจราจร อย่าฝ่าฝืน มีมารยาทในการขับขี่
  4. เมาแล้วไม่ขับเด็ดขาด
  5. ห้ามเล่นโทรศัพท์มือถือระหว่างขับขี่
  6. ไม่เปลี่ยนเลนกะทันหัน

4 วิธีทำความสะอาดยางรถยนต์อย่างถูกต้อง

การทำความสะอาดตัวยางรถยนต์ ไม่ใช่แค่เพื่อ “ความสวยงาม” แต่ยังเป็นวิธีดูแลรถยนต์ที่ช่วยยืดอายุการใช้งานยางรถยนต์ได้อีกด้วย หลัก ๆ มีอุปกรณ์ที่ต้องเตรียมให้พร้อม ดังนี้

  1. ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดล้อและยางรถยนต์
  2. ผลิตภัณฑ์ปกป้องดูแลรักษายางรถเก๋งหรือยางรถกระบะ
  3. ถังน้ำสำหรับทำความสะอาด
  4. ผ้าเช็ดล้อ
  5. ฟองน้ำสำหรับเคลือบยางรถยนต์

หลังจากเตรียมอุปกรณ์สำหรับล้างยางรถยนต์เรียบร้อยแล้ว ถ้าอย่างนั้นเราไปล้างทำความสะอาดตาม 4 ขั้นตอนที่เรานำมาบอกต่อพร้อม ๆ กันเลย

1. เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม

หนึ่งในหัวใจสำคัญของการดูแลรถยนต์ที่ดีที่สุด คือ การเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม มีคุณภาพ แถมยังสามารถดูแลยางรถยนต์ และชิ้นส่วนอื่น ๆ ได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องเข้าคาร์แคร์

กรณีที่ไม่มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ปลอดภัย หรือเหมาะสมกับยางรถยนต์หรือไม่ แนะนำให้เลือกผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่า “ปลอดภัยกับล้อและยางทุกประเภท และไม่ทิ้งสารตกค้างบนล้อรถ” ที่สำคัญคือต้องมีเลขอย. สามารถตรวจสอบได้

2. การทำความสะอาดล้อและยาง

นอกจากล้อและยางรถยนต์จะสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ แล้ว ยังถือเป็นชิ้นส่วนที่สกปรกมากที่สุดอีกด้วย ทั้งคราบสกปรกจากฝุ่นเมื่อเบรค หรือสิ่งสกปรกตามท้องถนนอื่น ๆ แนะนำให้เริ่มต้นจากการ “เคลือบยางรถยนต์” ด้วยน้ำยาทำความสะอาด จากนั้นปล่อยทิ้งไว้ให้อยู่ตัว ประมาณ 5-10 นาที เพื่อทำลายคราบสกปรกต่าง ๆ เมื่อครบเวลาที่กำหนดให้ฉีดล้างด้วยน้ำสะอาด แต่ถ้าคราบฝังแน่นมาก ๆ ให้ใช้น้ำยาทำความสะอาดแบบเฉพาะ ก็จะช่วยให้ทำความสะอาดง่ายขึ้น โดยไม่เปลืองแรงมากจนเกินไป

3. เช็ดล้อและยาง

หลังจากทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว จากนั้นควรเช็ดล้อและยางให้แห้งสนิท ซึ่งควรเป็นผ้าคนละผืนที่ใช้เช็ดรถ เพราะถ้าหากใช้รวมกันผิวรถยนต์ของคุณ อาจเกิดรอยขนแมวไปจนถึงรอยข่วนลึกถึงชั้นสีได้

4. เคลือบตัวยางให้เงางาม

ขั้นตอนนี้เป็นไปเพื่อในเรื่องความสวยงามแล้ว หากต้องการให้ยางรถยนต์ของคุณเงางาม และดูใหม่อยู่เสมอ การ “เคลือบยางรถยนต์” เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดี โดยน้ำยาเคลือบเป็นสารละลายด้วยน้ำ มีคุณสมบัติในการช่วยปกป้องยางให้แข็งแรง ทนทาน

วิธีง่าย ๆ คือ แค่หยดน้ำยาเคลือบยางดำลงบนฟองน้ำแล้วทาลงบนยาง เพียงไม่กี่นาทีตัวยางรถของคุณจะแห้งและเงาดูเหมือนกับยางใหม่ แต่ถ้าหากต้องการทาซ้ำอีกรอบ ควรรอให้ชั้นแรกแห้งสนิทดีก่อนแล้วจึงค่อยทาทับ ก็จะเงายิ่งกว่าเดิม

3 สิ่งต้องทำทันทีเมื่อรถหาย ประกันคุ้มครองสูงสุดเท่าไหร่?

รถหาย คุณต้องรับมืออย่างไร?

แน่นอนว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์รถหายหรือรถโดนขโมย การควบคุมสติอาจเป็นไปได้ยาก เพราะถือเป็นปัญหาใหญ่ที่หลายคนจับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มจากตรงไหน แจ้งความหรือแจ้งประกันก่อนดี? ถ้าอย่างนั้นตามไปดูข้อมูลที่รู้ใจลิสต์มาให้เลยดีกว่า

1. แจ้งความรถหายทันทีทันใด

ทันทีที่แน่ใจแล้วว่าไม่ได้หลงลืมที่จอดรถ แต่รถยนต์คู่ใจหายไปจริง ๆ อันดับแรกให้แจ้งความรถหายให้ไวที่สุด แนะนำให้เดินทางไปแจ้งความรถหายที่สน.พื้นที่รับผิดชอบในเขตนั้น พร้อมกับให้ข้อมูลเกี่ยวกับรถอย่างละเอียดถี่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นเลขทะเบียน สี รุ่น สถานที่และเวลาที่รถหาย รวมถึงสิ่งของมีค่าภายในรถทั้งหมด

2. แจ้งบริษัทประกัน

หากประกันภัยรถยนต์ที่ทำไว้ ให้ความคุ้มครองด้านประกันรถหาย อันดับต่อมาให้ทำการแจ้งไปยังบริษัทประกัน โดยจะต้องแจ้งทันที แจ้งให้ไวที่สุด พร้อมกับเตรียมหลักฐานต่าง ๆ ไปให้ครบ เช่น บันทึกประจำวัน (ใบแจ้งความรถหาย), กรมธรรม์ประกันภัย จากนั้นบริษัทฯ จะช่วยสืบตามหารถของคุณด้วยอีกแรง

3. แจ้งบริษัทไฟแนนซ์

หากรถยนต์ของคุณยังไม่ผ่อนไม่หมด แน่นอนว่าจะต้องแจ้งรถหายให้ไฟแนนซ์รับทราบด้วย เพราะอย่าลืมว่ารถยังคงเป็นชื่อของไฟแนนซ์อยู่ และเมื่อเคลมประกันรถหาย บริษัทไฟแนนซ์ก็จะเป็นผู้รับผลประโยชน์ฝ่ายแรก จากนั้นถึงจะนำเงินจากบริษัทประกันไปคำนวณกับยอดเงินที่คุณผ่อนรถไปแล้ว พร้อมกับสรุปผลว่าจะต้องผ่อนต่ออีกเท่าไหร่

ประกันคุ้มครองรถหายสูงสุดเท่าไหร่?

หากรถยนต์ของคุณทำประกันชั้น 1 เมื่อรถหายไม่สามารถตามกลับคืนมาได้ จะเคลมได้สูงสุด 80% ของราคารถยนต์ ที่ไม่ได้เต็ม 100% เป็นเพราะมี “ค่าเสื่อมรถและจำนวนปีที่ซื้อมา” เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย โดยทุนประกันจะถูกกำหนดจากราคารถยนต์ในวันที่ทำประกัน เช่น มูลค่ารถยนต์ ณ วันทำประกัน 650,000 บาท สามารถเคลมประกันได้ 520,000 บาท (คิดจาก 650,000 x 80%)

Cr.roojai

ในช่วงเศรษฐกิจแบบนี้ การจะซื้อ รถ ใหม่ทั้งที่ อาจจะต้องคิดให้รอบคอบ นอกเหนือจากปัจจัยการใช้งานที่เหมาะสมแล้ว ก็อาจจะต้องคำนึงถึงหากเมื่อต้องขายต่อเป็นรถมือสองแล้ว ราคาจะต้องไม่ตกด้วย 

รถยอดนิยมในไทย ขายรถมือสอง ราคาไม่ตก

1. รถ Toyota Vios รุ่นปี 2019

ราคารถ Toyota Vios 2019

  • ราคารถใหม่ป้ายแดง เริ่มต้นที่ 559,000 – 734,000 บาท
  • ราคาขายต่อมือสอง (ในปัจจุบัน) 390,000 – 530,000 บาท

Toyota Vios ปี 2019 ที่มีการเพิ่มเติมออพชั่นในราคาค่าตัวสุดคุ้ม พร้อมกับการปรับรุ่นย่อยใหม่ มีทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่ Entry , MID และรุ่นท็อป High ที่มีการจัดเต็มอุปกรณ์เข้ามาอย่างครบครัน มาพร้อมสโลแกนใหม่ Toyota Vios Super Spec ครบเต็มคัน ทำให้คุ้มค่า คุ้มราคากับการใช้งาน  อีกทั้งยังเป็นรถยนต์ Sub Compact พิกัดเครื่องยนต์ขนาด 1,500 ซีซี ที่พร้อมตอบโจทย์ทั้งการขับขี่ในเมืองและนอกเมือง ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในตัวเลือกอันดับต้น ๆ ในการเลือกซื้อรถมือสองอีกด้วย

2. รถ Toyota Fortuner รุ่นปี 2020

ราคารถ Toyota Fortuner 2020

  • ราคารถใหม่ป้ายแดง เริ่มต้นที่ 1,104,000 – 1,536,000 บาท
  • ราคาขายต่อมือสอง (ในปัจจุบัน) 780,000 – 1,050,000 บาท

สำหรับรถยนต์ Toyota Fortuner ถือว่าเป็นรถยนต์ PPV อันดับหนึ่งยอดนิยมตลอดการของเมืองไทย ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูสวยดูดีมีระดับ และยังมาพร้อมกับออฟชั่นเสริมแบบครบครัน จุใจ มีเสน่ห์ที่หรูหรา แฝงไปด้วยความเท่ดุดันแต่สง่างาม เป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของรุ่นนี้และทำให้หลาย ๆ คนจำได้ง่าย จึงทำให้รถรุ่นนี้ไปต่อได้สบายๆ ราคาไม่ตกง่าย ๆ และยังเป็นที่นิยมในการซื้อขายด้วย

3. รถ Honda CR-V รุ่นปี 2018

ราคารถ Honda CR-V 2018

  • ราคารถใหม่ป้ายแดง เริ่มต้นที่ 1,168,000 – 1,543,000 บาท
  • ราคาขายต่อมือสอง (ในปัจจุบัน) 750,000 – 890,000 บาท

รถยนต์ SUV ขวัญใจมหาชน เน้นการออกแบบที่เน้นความหรูหราโฉบเฉี่ยว ไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ดีไซน์เท่ทันสมัย มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 5 Speed ที่เป็นระบบควบคุมอัจฉริยะที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ได้อย่างมั่นใจมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีระบบอีโค แอสซิสต์ (Eco Assist) ซึ่งเด่นในด้านช่วยในการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังรองรับการใช้ E85 ได้อีกด้วย เรียกได้ว่าคุ้มค่าสุด ๆ และยังเหมาะสำหรับยุคนี้อีกด้วยค่ะ

4. รถ Honda Civic รุ่นปี 2018

ราคารถ Honda CR-V 2018

  • ราคารถใหม่ป้ายแดง เริ่มต้นที่ 778,000 – 1,130,000 บาท
  • ราคาขายต่อมือสอง (ในปัจจุบัน) 490,000 – 680,000 บาท

สำหรับ Honda รุ่นนี้มาให้มีความสะดุดตาเป็นพิเศษ และยังเป็นรถเก๋งซีดานรุ่นเรือธงจากฮอนด้าที่ได้ถูกปรับโฉมเสริมรูปลักษณ์ให้ดูสปอร์ตหรูหรามากยิ่งขึ้น ขณะที่ฟังก์ชั่นภายในก็ได้รับการอัพเกรดเทคโนโลยีสุดทันสมัยเข้าไปเสริมมากมาย อีกทั้งยังเพิ่มขุมพลังเครื่องยนต์ 1.5 VTEC Turbo ทำให้เร่งได้อย่างดีเยี่ยมไร้การสะดุด พร้อมระบบส่งกำลังแบบใหม่ล่าสุดด้วยระบบเกียร์ CV หากใครชอบเทคโนโลยีล้ำๆ Civic รุ่นนี้ถือว่าจัดเต็มทุกรูปแบบตรงทุกความต้องการของคุณอย่างแน่นอน

5. รถ กระบะ Isuzu D-Max รุ่นปี 2022

ราคารถ Isuzu D-Max 2022

  • ราคารถใหม่ป้ายแดง เริ่มต้นที่ 469,000 – 599,000 บาท
  • ราคาขายต่อมือสอง (ในปัจจุบัน) 430,000 – 480,000 บาท

สำหรับรถกระบะรุ่นยอดนิยมในไทยที่ทำตลาดมาถึง 3 เจเนอเรชั่นอย่าง Isuzu D-Max มีเครื่องยนต์ดีเซลหลากหลายความแรงให้เลือก หรือเน้นประหยัดน้ำมันก็ทำได้ดี พร้อมศูนย์บริการกับอะไหล่ที่แพร่หลาย หาได้ง่าย ซึ่งราคามือสองของ Isuzu D-Max เจนแรก ตัวถังที่นิยมซื้อใช้นั่นคือแบบ 4 ประตู ยังอยู่ในระดับเริ่มต้นที่ 2 แสนปลาย ๆ หากสภาพดี หากเป็นรุ่นยกสูงหรือขับเคลื่อน 4 ล้อ ก็มีราคาสูงขึ้นไปอีกประมาณ 50,000 บาท และยังคาอยู่ในระดับราคานี้มานานหลายปีแล้ว ทำให้การหาซื้อขายยังคงเป็นที่นิยมอยู่เรื่อย ๆ ในตลาดรถกระบะมือสอง

6. รถยอดนิยม Honda Jazz รุ่นปี 2019

ราคารถ Honda Jazz 2019

  • ราคารถใหม่ป้ายแดง เริ่มต้นที่  590,000 – 715,000 บาท
  • ราคาขายต่อมือสอง (ในปัจจุบัน) 420,000 – 520,000 บาท

สำหรับจุดเด่นของ Honda Jazz ยอดนิยมคันนี้ที่ผู้ใช้ส่วนใหญ่มักจะให้คะแนนที่รูปโฉมอันสวยงามปราดเปรียวแล้ว รุ่นนี้ก็ยังมีจุดเด่นตรงที่ อัตตราเร่งที่ดี ช่วยเซฟเรื่องค่าน้ำมัน รวมไปถึงความอึด ทนทานในเรื่องของเครื่องยนต์ไซส์ 1.5L และยังสามารถขับขี่ได้คล่องตัว หาที่จอดง่าย เหมาะสำหรับการใช้งานในเมืองเป็นอย่างยิ่ง และยังสามารถพับเบาะหลังเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ที่ยังคงเป็นจุดเด่นหลัก ๆ สำหรับผู้ใช้งานที่ต้องขนของเป็นประจำด้วย

7. รถยนต์ Suzuki Swift รุ่นปี 2019

ราคารถ Suzuki Swift 2019

  • ราคารถใหม่ป้ายแดง เริ่มต้นที่ 429,000 – 559,000 บาท
  • ราคาขายต่อมือสอง (ในปัจจุบัน) 290,000 – 390,000 บาท

Suzuki Swift รุ่นนี้มีการออกแบบภายนอกให้ดูมีมิติทำให้ตัวรถดูใหญ่ขึ้น เน้นรูปทรงมนให้ดูลงตัวกลมกลืนทั้งคัน อีกทั้งยังมีไฟหน้าใหม่ใหญ่กว่าเดิมส่องสว่างเส้นทางแม้ยามราตรีอย่างมีสไตล์ ภายในหรูหราเรียบง่ายเน้นการใช้งานอย่างสะดวกสบาย พื้นที่ในห้องโดยสารทำออกมาได้สมราคาแถมยังดีกว่าหลาย ๆ รุ่นในประเภท Segment เดียวกัน เบาะหลังยังสามารถพับได้ 60:40 ช่วงล่างดี นุ่มนวล เกาะถนนได้ดีเยี่ยม  และที่สำคัญยังเป็นรถยนต์ประหยัดน้ำมัน ถือว่าเป็นซิตี้คาร์น่าใช้และยังขายต่อได้ราคาดี

check-credit