เฉลิมชัย รถบ้าน

ที่สุดด้านคุณภาพและบริการ ต้องเฉลิมชัย รถบ้าน
โทร : 096-242-8639 เปิดทำการทุกวัน
110/4 หมู่ 1 ต.หนองยาว อ.เมือง จ.สระบุรี

ข่าวสารยานยนต์

5 สิ่งที่ต้องเช็คทันทีก่อนเข้าหน้าฝน

ช่วงนี้ใกล้ฤดูฝนเข้ามาทุกทีแล้ว สิ่งที่เจ้าของรถจะต้องไม่ลืม คือ ความพร้อมของรถยนต์เพื่อขับขี่ท่ามกลางสายฝน เพราะถนนที่เปียกลื่นถือเป็นปัจจัยสำคัญของอุบัติเหตุช่วงหน้าฝน

1.ใบปัดน้ำฝน

ใบปัดน้ำฝนมีความสำคัญมาเป็นอันดับ 1 ในช่วงฤดูฝน เพราะทัศนวิสัยที่ย่ำแย่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้มากขึ้นหลายเท่าตัว หากพบว่าใบปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพ ปัดไม่เกลี้ยง ก็ควรรีบเปลี่ยนทันที ค่าใช้จ่ายก็เพียงไม่กี่ร้อยบาทไปจนถึงหลักพันต้นๆเท่านั้น แถมยังเปลี่ยนเองได้ไม่ต้องง้อช่างอีกด้วย

2.ยางรถยนต์

ยางรถยนต์เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน เพราะยางที่ดอกโล้น จะทำให้ประสิทธิภาพในการรีดน้ำลดลง ส่งผลให้รถเสียหลักได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อเจอแอ่งน้ำในขณะที่ใช้ความเร็วสูง หากตรวจเช็คสภาพยางแล้วพบว่าดอกยางมีความลึกต่ำกว่า 3 มิลลิเมตร ก็ควรรีบเปลี่ยนทันที ซึ่งปัจจุบันมีโปรโมชั่นยางรถยนต์มากมายให้ใช้บริการ ช่วยให้ตัดสินใจได้ง่าย แม้ว่าจะเปลี่ยนเป็นยางที่มีราคาถูก แต่ก็ยังปลอดภัยกว่ายางที่ดอกโล้นเป็นไหนๆ

3.ระบบไฟส่องสว่าง

ควรเช็คระบบไฟส่องสว่างทุกจุดรอบคัน ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้า, ไฟท้าย, ไฟเบรก, ไฟเลี้ยว, ไฟตัดหมอก ฯลฯ เพราะไม่เพียงแต่ช่วยให้เรามองเห็นถนนได้ดีขึ้นยามฝนตกเท่านั้น แต่ยังช่วยให้รถคันอื่นมองเห็นเราได้ง่าย ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุลงได้อีกเยอะ และควรใช้สัญญาณไฟให้เหมาะสมทุกครั้งที่ฝนตกด้วย

4.น้ำฉีดกระจก/ไฟหน้า

อย่าลืมเช็คระดับน้ำหม้อพักสำหรับฉีดกระจกบานหน้าและหลัง (ถ้ามี) ให้เต็มอยู่เสมอ เพราะบางคนอาจไม่เคยเปิดใช้งานเลยในช่วงหน้าร้อน ทำให้ปล่อยปละละเลยในการเติมน้ำเป็นประจำ ซึ่งน้ำฉีดกระจกจะช่วยเพิ่มทัศนวิสัยได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเมื่อเจอน้ำสกปรก, น้ำโคลน หรือฝ้าขึ้น เป็นต้น

5.เช็คระบบเบรกและ ABS

ระบบเบรกถือเป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน เพราะการเบรกแบบฉุกเฉินจะใช้ระยะเบรกบนถนนเปียกมากกว่าถนนแห้ง การดูแลระบบเบรกให้สมบูรณ์จะช่วยลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุลงได้ หากเริ่มมีเสียงดัง ‘เอี๊ยด’ ออกมาทุกครั้งที่เหยียบเบรกแล้วล่ะก็ แสดงว่าถึงเวลาเปลี่ยนผ้าเบรกได้แล้ว

อีกทั้งยังควรเช็คระบบเบรกป้องกันล้อล็อค (ABS – Anti-lock Brake System) แม้จะไม่มีสัญญาณเตือนบนหน้าปัดก็ตาม โดยการหาที่โล่งๆ ใช้ความเร็วประมาณ 30 กม./ชม. ลองเหยียบเบรกแบบเต็มกำลัง หากมีเสียงครืดๆ เป็นจังหวะ และรู้สึกถึงอาการสั่นที่แป้นเบรก แสดงว่าระบบ ABS ยังคงทำงานอย่างสมบูรณ์ แต่ถ้าเหยียบแล้วล้อเกิดล็อคตายจนทำให้มีเสียงยางบดถนนดัง ‘เอี๊ยด’ ยาวๆ แสดงว่าระบบเอบีเอสมีปัญหาแล้ว

     สิ่งเหล่านี้ถือเป็นระบบความปลอดภัยขั้นพื้นฐานที่ควรเช็คเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นฤดูไหนก็ตาม แต่เมื่อเข้าฤดูฝนก็ควรใส่ใจตรวจเช็คเป็นพิเศษ หากมีชิ้นส่วนใดต้องเปลี่ยนก็ควรรีบเปลี่ยนทันที เพราะคุ้มค่ากว่าการจ่ายค่าซ่อมรถเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจริงๆครับ

สนับสนุนเนื้อหา

cr. http://auto.sanook.com/58521

ตรวจแถว Eco Car มือสองยอดนิยมที่ควรเก็บ…..หลุดจากรถคันแรก

งานนี้ รถยนต์ที่เข้าข่ายโครงการฯ มีตั้งแต่ กลุ่มรถซับคอมแพ็ค (Sub Compact) กลุ่มรถกระบะ (Pickup) และกลุ่มรถน้องใหม่ ที่มาเปิดตลาดได้ไม่นานคือ กลุ่มรถยนต์ประหหยัดพลังงาน (Eco Car) ก่อกำเนิดยานยนต์จากหลายค่ายออกอาละวาดสู่ท้องถนนเมืองไทยทั้งในรูปแบบซีดานและแฮทช์แบค 5 ประตู

และด้วยคุณสมบัติเด่นทั้งความคล่องตัวในการใช้งานในเมือง ความสะดวกสบาย รวมถึงอัตราสิ้นเปลืองที่สามารถทำได้ ในระดับหนึ่ง ล้วนเป็นจุดเด่นที่ทำให้ผู้ใช้รถต่างเลือกซื้อ Eco Car มาไว้ใช้ไม่ว่าจะเป็นคันที่สอง หรือสาม มาจอดไว้ในโรงรถ เป็นต้น โดยทีมงาน Autodeft ได้รวบรวมเหล่ารถ Eco Car มือสองที่ได้รับความนิยมจากผู้ใช้รถมากที่สุด 5 รุ่นด้วยกันโดยเป็นรุ่นรถที่อยู่ในโครงการรถคันแรกตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน ปี 2554 ถึง 31 ธันวาคม ปี 2555 ดังนี้

1. Nissan March Eco Car รุ่นแรกของเมืองไทย

ยานยนต์ Eco Car จากค่ายเพื่อนที่แสนดี ขอประเดิมลงตลาดครั้งแรกจนสร้างยอดจองมหาศาลกว่า 5,000 คันหลังเปิดตัวเพียง 2 สัปดาห์ ในร่าง Hatchback 5 ประตูพร้อมความโดดเด่นในรูปลักษณ์อ้วนป้อมมีเสน่ห์เสริมความเด่นออฟชั่นที่ทันสมัยไม่ว่าจะเป็น ปุ่ม Push Start พร้อมพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหลังแบบพับ 60 : 40 กับความอัจฉริยะของระบบเกียรอัตโนมัติ Xtronic CVT กับเกียร์ธรรมดา ผสานขุมพลังจอมประหยัดจากเครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร 3 สูบ 79 แรงม้า แรงบิด 106 นิวตันเมตรที่ให้ความประหยัดน้ำมันสูงสุด 20 กม./ลิตร

ทำให้ Nissan March กลายเป็นรถ Hatchback เล็กที่ถามถึงกันมาก ด้วยราคามือสองตั้งแต่ปี 2553 จนถึงปัจจุบัน เริ่มที่ 195,000 – 359,000 บาท ตามสภาพและปีของตัวรถ

2. Nissan Almera Eco Car ซีดานรุ่นแรกของเมืองไทย

หลังทำตลาด Nissan March เพียง 1 ปี ตอกย้ำความสำเร็จ ส่งคู่หูออกตลาดในร่างซีดาน4 ประตู กับจุดแข็งเน้นความเรื่องความสบายที่มากขึ้นด้วยภายในที่กว้างขวางนั่งสบาย ดุจรถยนต์นั่งระดับคอมแพ็คจนถึงขนาดกลางพร้อมขุมพลังยกชุดจาก March ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร 3 สูบ 79 แรงม้า แรงบิด 106 นิวตันเมตร พร้อมเกียรอัตโนมัติ Xtronic CVT กับเกียร์ธรรมดา จนกลายเป็น Eco Car ซีดานที่ประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น และเป็น Eco Car อีกหนึ่งรุ่นในตลาดรถมือสอง ที่มองหาเป็นเจ้าของสำหรับคนเมืองที่เริ่มต้นชีวิตครอบครัว เริ่มต้นทำงานด้วยราคามือสองที่เด่น ตั้งแต่ 245,000 – 388,000 บาท

3. Suzuki Swift………..Eco Car ออพชั่นเพียบ

ตามมาติดๆกับเจ้าพ่อรถเล็กที่ขอกระโดดเข้าร่วมตลาด Eco Car ด้วยรูปทรง Hatchback 5 ประตู คล้ายละม้ายกับรถ MINI รวมถึงการตัดสินใจใช้เครื่องยนต์เบนซิน K12B 1.2 ลิตร 4 สูบ 91 แรงม้า แรงบิด 118 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT และ เกียร์ธรรมดา ผสมกับออฟชั่นที่ให้มาไม่วาจะเป็น ปุ่ม Push Start พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหลังแบบพับ 60 : 40 แถมเป็น Eco Car เจ้าเดียวที่ติดตั้ง Cruise Control ให้เพื่อความสบายในการเดินทางไกล และ Paddle Shift สร้างความเร้าใจทุกกการขับขี่ จนกลายเป็นรถ Eco Car อีกหนึ่งรุ่นที่ได้รับความนิยมอย่างสูงจนเป็นที่สนใจจากสาวกและยังสามารถต่อยอดตกแต่งได้ตามต้องการ ด้วยราคามือสองที่ดี่ที่สุดในตลาดตั้งแต่ปี 2555 เริ่มที่ 292,000 – 410,000 บาท

4. Mitsubishi Mirage Eco Car ที่ให้คุณได้มากกว่า

ค่ายทรีไดมอนด์นอกจากจะถนัดรถกระบะกับรถอเนกประสงค์แล้ว ด้านรถยนต์นั่งก็ไม่เป็นรองใคร จึงเล็งเห็นการเติบโตของตลาด Eco Car พร้อมนำชื่อ Mirage กลับมาปัดฝุ่นอีกครั้งด้วยรูปแบบ Hatchback 5 ประตู จากเครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร 78 แรงม้า แรงบิด 100 นิวตันเมตร พร้อมเกียร์อัตโนมัติ INVESC III CVT กับเกียร์ธรรมดา 5 สปีด พร้อมระบบปุ่ม Push Start กับ กุญแจอัจฉริยะ และสามารถพับเบาะหลังได้ ฯลฯ และด้วยราคามือสองที่ยังคุยกันได้ เริ่มที่ 199,000 -359,000 บาท

5. Honda Brio Amaze Eco Car ตัวตนเด่นด้วยท้ายสั้น

ปิดท้ายด้วย Eco Car ซีดานเล็กรุ่นที่ 2 ท้าชน Nissan Almera ด้วยการนำ Brio 5 ประตู มาออกแบบบั้นท้ายใหม่ที่สั้นกว่าใครในกลุ่ม กับขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน I-VTEC 1.2 ลิตร 4 สูบ 90 แรงม้า แรงบิด 110 นิวตันเมตร พร้อมเกียร์อัตโนมัติ CVT กับออพชั่นบ้านๆที่ทุกค่ายมีเหมือนกันทั้งหมด ตั้งแต่ พวงมาลัยสปอร์ต 3 ก้าน ผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า EPS วิทยุ MP3 เครื่องปรับอากาศ เป็นต้น ถึงแม้จะเป็นรถที่ไม่ค่อยโดดเด่นมากในเรื่องออพชั่นแต่ด้วยขุมพลัง ที่มีไม่กี่เจ้าที่ใช้เครื่องยนต์ แบบ 4 สูบส่งให้เจ้า Brio Amaze ก็ได้รับการตอบรับที่ดีไม่แพ้เจ้าอื่นๆ กับราคามือสองตั้งแต่ราคา 269,000 – 369,000 บาท

อ้างอิงราคารถมือสองจาก Taladrod (ราคารถมือสองอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์)

เรื่องและเรียบเรียงโดย สุกิจ เลิศธนะแสงธรรม (นายเต้ย)

cr. http://www.autodeft.com/buyingguide/second-hands-eco-car-thailand

หลากวิธีจัดการกับรถเมื่อเกิดเหตุการณ์คาดไม่ถึง

การเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน จนทำให้เกิดความเสียหายทั้งรถและคนอยู่เสมอ ซึ่งส่วนใหญ่ที่พบก็จะเป็นเมาหรือง่วงแล้วขับ และขับรถโดยประมาท แต่เราก็ต้องยอมรับว่าบางเหตุการณ์ก็มาจากสิ่งที่คาดไม่ถึงจากรถยนต์ของเรา วันนี้เราจะมาดูกันว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์คาดไม่ถึงเหล่านี้แล้ว เราควรต้องทำอย่างไรบ้างเพื่อให้เราและคนอื่นๆปลอดภัย

1. ยางแตก

แน่นอนว่าก่อนออกเดินทางไกลทุกครั้ง การตรวจสอบยางเป็นเรื่องสำคัญ ต้องคอยดูว่ายางอยู่ในสภาพที่ยังใช้งานได้หรือเปล่า มีรอยแตก ปูด บวม หรือไม่ ถ้ามีก็ควรเปลี่ยนก่อนเดินทาง และควรเติมลมยางให้มากกว่าปกติประมาณ 3-5 psi เพื่อลดการขยายตัวของยางด้วย แต่เมื่อขณะที่เราใช้ความเร็วแล้วยางดันแตกขึ้นมาพอดี สิ่งแรกที่ควรนึกอยู่เสมอก็คือ “ห้าม” เหยียบเบรกแรงเพื่อหยุดรถหรือดึงเบรกมือโดยเด็ดขาด เพราะการเหยียบเบรกเพื่อหยุดรถโดยทันที จะทำให้รถเกิดอาการไถลออกข้าง ยิ่งถ้าเกิดยางที่แตกเป็นยางหน้า อาจทำให้รถหมุนหรือพลิกคว่ำได้เลย จากนั้นให้พยายามประคองพวงมาลัยให้รถวิ่งตรงก่อน แล้วค่อยแตะเบรกทีละน้อยเพื่อค่อยๆชะลอความเร็ว แล้วประคองเข้าข้างทางจนรถหยุดสนิท จากนั้นก็ค่อยดำเนินการเปลี่ยนยางต่อไป

2. เบรกแตก

อาการเบรกแตกหรือเบรกหาย มีได้จากหลายสาเหตุ ทั้งตัวท่อเบรกรั่วหรือปั๊มเบรกเสีย ถ้าเมื่อไหร่เราขับอยู่แล้วกดแป้นเบรกแล้วมันไม่ทำงาน สิ่งแรกที่ต้องทำคือถอนเท้าออกจากคันเร่งแล้วคุมพวงมาลัยให้ดี จากนั้นให้ประคองรถให้อยู่ไกลกับคันอื่น สำหรับรถที่เป็นเกียร์ธรรมดา ให้ค่อยๆเปลี่ยนเกียร์ลงมาเรื่อยๆจาก 5-4-3-2-1 จนรถหยุดได้สนิทที่ข้างทาง หรือถ้าเป็นเกียร์อัตโนมัติที่มีระบบเปลี่ยนเกียร์แบบ Sport ก็ให้ค่อยๆทอนเกียร์ลงมาเช่นกัน แต่ถ้าเป็นเกียร์ออโต้ที่ไม่มีการเปลี่ยนแบบ Sport ให้ค่อยถอนลงมาเป็น 3 แล้วใช้เบรกมือช่วย โดยค่อยๆดึงช้าๆถ้ารู้สึกรถลดความเร็วเณ้วเกินไป ให้ถอนเบรกมือออก แล้วค่อยดึงใหม่ จนกว่าจะพารถเข้าจอดสนิทที่ข้างทางได้

3. คันเร่งค้าง

อาการคันเร่งค้างอาจจะเกิดได้จากหลายสาเหตุเช่นกัน ทั้งลิ้นปีกผีเสื้อติด หรือคันเร่งทำงานผิดปกติ แต่เมื่อเกิดอาการคันเร่งค้างเมื่อไหร่ สิ่งแรกที่ห้ามทำเด็ดขาดคือ “ดับเครื่อง” เพราะการดับเครื่องจะทำให้หม้อลมเบรกหยุดทำงานไปด้วย จะทำให้การหยุดรถทำได้ยากขึ้น แต่สิ่งแรกที่ต้องทำคือการหยุดส่งกำลังไปที่ล้อด้วยการเปลี่ยนเข้าเกียร์ว่างทันที เมื่อเปลี่ยนเข้าเกียร์ว่างได้แล้ว รถก็จะลดความเร็วลงเอง จากนั้นก็ค่อยๆเบรกแล้วประคองเข้าข้างทาง และ “ห้าม” ให้รถต่อในทันที จนกว่าจะหาสาเหตุเสียได้ ดังนั้นให้เรียกรถยกเพื่อเข้าอู่ทันที

cr. http://www.autodeft.com/deftanswer/how-to-do-when-face-with-mulfunction-car

7 ออพชั่นโดนๆ ที่คุณซื้อได้ในราคาถูกๆ

พูดถึงรถยนต์ทุกวันนี้ เราต้องยอมรับว่ารถยนต์ที่เราใช้ ต่างมาพร้อมออพชั่นต่างๆมามกายที่น่าสนใจ โดยเฉพาะของเล่นใม่ที่ทำเอาเราอยากได้ แต่ส่วนใหญ่มันอาจจะอยู่ในรถหรูราคาแพง แต่วันนี้ คุณสามารถหาซื้อได้ในรถยนต์ใกล้ตัวมากกว่าที่คุณคิดเสียอีก

1.Sunroof ที่ถูกที่สุด

ออพชั่นสุดเท่ห์สำหรับสายสปอร์ตตัวจริง ที่หลายคนบางคนอาจจะต้องได้ดูดีมีติดรถเอาไว้ ถ้าคุณกำลังมองหาหลังคาที่สามารถเลื่อนเปิด หรือ ปิดได้   MG 3 มีเจ้าหลังคานี้มาให้ โดยติดตั้งมาตั้งแต่รุ่น X Sunroof   ราคาเคาะขายอยู่ที่   559,000 บาท

2.ระบบป้องกันการชนทางด้านหน้า ที่ถูกที่สุด

ทุกวันนี้ความปลอดภัยเป็นเรื่องที่หลายคนเริ่มมีความตระหนักอย่างมากในการเดินทางและระบบความปลอดภัยชนิดที่ทำงานร่วมในการขับขี่ ล้วนมีความสำคัญมากกว่าบรรดาพวกถุงลมนิรภัยเสียอีก และ Mitsubishi Mirage  เป็นรถที่ระบบป้องกันการชนทางด้านหน้ามาให้ในรถยนต์นั่งขนาดเล็กกลุ่มอีโค่คาร์ โดยติดตั้งมาตั้งแต่รถยนต์   Mitsubishi  GLS CVT  มีราคาจำหน่ายอยู่ที่   539,000 บาท

3.ระบบกล้องรอบคันถูกที่สุด

เปิดตัวมาหมาดๆ พร้อมเทคโนโลยีที่น่าสนใจมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบกล้องมองรอบทิศทาง 360   องศา ที่มีมาให้ในรถยนต์อีโค่คาร์คันล่าสุด  Nissan  Note  นับเป็นออพชั่นที่ทำให้เรารุ้สึกว่านี่แหละที่ต้องการ มันเป็นออพชั่นที่ขนมาจากรถยนต์ชั่นนำ   Nissan Teana   ใหม่

โดยนอกจากนี้ยังมีระบบเตือนรักษาเลน และป้องกันการชนทางด้านหน้า พร้อมการเบรกอัตโนมัติมาให้ สนนราคา   Nissan  Note   ที่ออพชั่นนี้เคาะราคา   640,000 บาท  นับว่าไม่แพงเลยกับตัวเลือกที่มีมากให้

4.เก๋งดีเซลถูกที่สุด

กลายเป็นรถยนต์ที่ขายได้ดีโดดๆ ในตลาด ด้วยสิทธิจากโครงการอีโค่คาร์ระยะที่  2  ทำให้   Mazda  2 ใหม่ เป็นรภยนต์นั่งขนาดเล็กที่มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลบล็อกเล็กรุ่นใหม่ ล่าสุดในตลาด และนับว่าเป็นรถเก๋งดีเซลที่มีราคาถูกที่สุดในเวลานี้ โดยรุ่นเริ่มมาพร้อมเครื่องยนต์  Mazda Sky Activ D  ขนาด  1.5   ลิตร เคาะราคาเริ่มต้นที่ 680,000   บาท

5.ไฟหน้า   LED  ถูกที่สุด

ยุคนนี้สมัยนี้ ไฟหน้าซีนอนรึ ล้าสมัยไปแล้ว .. มันต้องไฟหน้า   LED   ซึ่งปกติแล้วจะมีในรถยนต์นั่งสุดหรูชั้นนำเท่านั้น แต่ถ้าคุณชอบไฟหน้าที่ส่องสว่างไม่แยงตาชาวบ้านให้ด่าตามหลัง คุณสามารถหาซื้อรถที่มาพร้อมไฟหน้า  LED  ได้ ในราคาที่ถูกที่สุดในรถยนต์  Honda  City  เคาะขายในราคา  751,000 บาท  ในรุ่น   SV+  โดยนอกจากซิตี้แล้ว ในกลุ่มเดียวกัน ยังมีในรถยนต์   Mazda 2  รุ่นใหม่ ด้วย แต่ราคานั้นแพงกว่าน่ะ

6.ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ ราคาถูกที่สุด

ถ้าคุณเป็นโลกขี้เกียจในการถอยจอด หรือคิดว่า ตัวเองยังไม่มือโปรพอ ระบบช่วยจอกสมัยนี้บอกเลยว่าเป็นสิ่งที่คุณน่าจะอยากได้มากๆ และ ข่าวดีคือระบบสุดล้ำแบบนี้สมัยนี้ราคาไม่แพงอย่างที่คิด มันมีติดตั้งในรถยนต์  Ford Focus   ใหม่ ที่สำคัญในเวอร์ชั่นที่อยู่ในฟอร์ดโฟกัส สามารถจะถอยเข้าซองจองได้ด้วย มันคุมพวงมาลัยให้ แต่คุณยังต้องคุณตำแหน่งเกียร์และคันเร่ง กับเบรกอยู่ เหมือนเดิม สนนราคาตอนนี้ที่   999,000 บาท

7.  200 แรงม้าที่ถูกที่สุด …

ถ้าคุณเป็นพวกบ้าพลัง คำว่า  200 แรงม้า น่าจะมีความร้สึกกับคุณพอสมควรว่า จะซื้อรถทั้งที่ต้องเอาให้ได้ของแรง และที่เราอยากจะบอกคือ รถที่มาพร้อมกำลัง  200  แรงม้า ในวันนี้ราคาไม่แพงอย่างที่คิด

มันอาจจะโดนค่อนขอดเรื่องแบรนด์ แต่เรื่องความเร้าใจจาก  200   แรงม้า  MG GS   ไม่ตกเป็นสองรองใครอย่างแน่นอน แถมมันเป็นรถที่ให้ความสนุกตื่นเต้นเร้าใจในการขับขี่ตอบสนองความเร้าใจทุกรอบเร่ง ด้วยราคาเพียง  1.21  ล้านบาท พร้อมเรือนร่างรถอเนกประสงค์ ที่คุณจะสามารถหลบสายตาภรรยาที่บ้านได้

cr. http://www.autodeft.com/buyingguide/5-cheapest-option

รวม 12 รุ่นรถยนต์ดอกเบี้ย 0 เปอร์เซ็นต์เดือนตุลาคม 2559

รวม 12 รุ่นรถยนต์ดอกเบี้ย 0 เปอร์เซ็นต์เดือนตุลาคม 2559

     รวมรถยนต์ 12 รุ่นแบรนด์ดังจัดโปรโมชั่นดอกเบี้ย 0 เปอร์เซ็นต์ประจำเดือนตุลาคม 2559 ใครสนใจรีบไปจองกันได้เลย

Mazda3

ดอกเบี้ย 0% (ดาวน์ 25%, ผ่อนนาน 48 เดือน)
ฟรีประกันภัยชั้น 1

Ford EcoSport

ดอกเบี้ย (ดาวน์ 20% ผ่อนนาน 24 เดือน)
ฟรีประกันภัยชั้น 1
เติมน้ำมันฟรี 10,000 บาท
รับเพิ่มส่วนลด 20,000 บาทสำหรับข้าราชการ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ

Nissan Sylphy

ดอกเบี้ย 0% (ดาวน์ 30% ผ่อนนาน 24-48 เดือน)
ฟรีประกันภัยชั้น 1 Nissan Premium Protection 1 ปี

Nissan Teana

ดอกเบี้ย 0% (ดาวน์ 25% ผ่อนนาน 24-48 เดือน)
ฟรีประกันภัยชั้น 1 Nissan Premium Protection 1 ปี

Nissan Almera

ดอกเบี้ย 0% (ดาวน์ 30% ผ่อนนาน 24-48 เดือน)
ฟรีประกันภัยชั้น 1 Nissan Premium Protection 1 ปี

Nissan March

ดอกเบี้ย 0% (ดาวน์ 15% ผ่อนนาน 24-48 เดือน)
ฟรีประกันภัยชั้น 1 Nissan Premium Protection 1 ปี

Nissan Juke

ดอกเบี้ย 0% (ดาวน์ 15% ผ่อนนาน 24-48 เดือน)
ฟรีประกันภัยชั้น 1 Nissan Premium Protection 1 ปี

Suzuki Celerio (ยกเว้น GA/MT)

ดอกเบี้ย 0% (นาน 1 ปี เมื่อดาวน์ 30% ผ่อนนาน 48 เดือน)
ฟรีประกันภัยชั้น 1

Suzuki Swift

ดอกเบี้ย 0% (นาน 1 ปี เมื่อดาวน์ 30% ผ่อนนาน 48 เดือน)
ฟรีประกันภัยชั้น 1

Suzuki Ciaz

ดอกเบี้ย 0% (นาน 3 ปี)

Suzuki Ertiga

ดอกเบี้ย 0% (นาน 1 ปี เมื่อดาวน์ 30% ผ่อนนาน 48 เดือน)
ฟรีประกันภัยชั้น 1

MG GS

ผ่อนดาวน์ 0% นาน 6 เดือน
ฟรีประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. นาน 1 ปี
ฟรีกล้องบันทึกการขับขี่แท้จาก MG

Bosch เผยโฉมใบปัดน้ำฝน ‘ไร้โครง’ ใหม่ สำหรับรถเอเชีย

บ๊อช ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเทคโนโลยียานยนต์และศูนย์บริการรถยนต์ชั้นนำของโลก ตอกย้ำการเป็นผู้บุกเบิกในการพัฒนาเทคโนโลยีใบปัดน้ำฝนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เปิดตัวนวัตกรรมใบปัดน้ำฝนแบบไร้โครง ถูกออกแบบมาแบบไร้หูยึดโลหะช่วยกระจายน้ำหนักแรงกดที่เท่ากันทั่วใบปัด ทำให้ปัดสะอาดไม่มีเสียงรบกวน และมีอายุการใช้งานยาวนานกว่าใบปัดแบบเก่า

นางสาวหวัง หยู่เฟิ่ง ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด ฝ่ายอะไหล่รถยนต์ บริษัท บ๊อช ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิกเผยว่า “ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 เป็นต้นมา บ๊อช เป็นผู้ผลิตรายแรกที่นำใบปัดน้ำฝนแบบใบปัดแบบไร้โครง  (Flat-Blade Wiper) เข้ามาในตลาด โดยปัจจุบันคาดว่าร้อยละ 90 ของผู้ผลิตรถยนต์ยุโรปเลือกใช้ ส่วนในประเทศญี่ปุ่นเองเริ่มมีการใช้เทคโนโลยีใบปัดแบบไร้โครง เราคิดว่าเทรนด์การใช้งานนี้จะเข้ามาในภูมิภาคอาเซียนเร็วๆ นี้”

บ๊อช ได้ต่อยอดเทคโนโลยีใบปัดแบบไร้โครง (Flat-Blade Wiper) โดยการนำยางสังเคราะห์ที่มีประสิทธิภาพสูง ผู้ขับขี่สามารถสังเกตุถึงความทนทานที่เพิ่มมากขึ้น การออกแบบที่โฉบเฉี่ยวทำให้มีเสียงลมน้อยที่สุด มีประสิทธิภาพในการปัดทำความสะอาดที่ดีเยี่ยม ทำความสะอาดได้อย่างสม่ำเสมอและทั่วถึงทุกสภาวะอากาศ ไม่มีโครงเหล็ก ทำให้การปัดน้ำฝนมีประสิทธิภาพ ไม่มีเสียงรบกวน และมีความปลอดภัยเมื่อใช้ความเร็วสูง

“วิสัยทัศน์ที่ชัดเจนมีความสำคัญต่อการขับขี่ที่ปลอดภัย มากกว่าร้อยละ 70 ของอุบัติเหตุบนท้องถนนเกิดจากการมองเห็นที่ไม่ชัดเจน ซึ่งเกิดจากการใช้ใบปัดน้ำฝนที่ไม่มีคุณภาพ” นางสาวหวัง หยู่เฟิ่งกล่าว “นอกจากรูปลักษณ์ภายนอกที่สวยงามของใบปัดน้ำฝนบ๊อช ยังมีประสิทธิภาพในการปัดทำความสะอาดที่ดีในทุกสภาพอากาศ ติดตั้งง่ายดาย”

ยางสังเคราะห์ที่ออกแบบพิเศษของใบปัดน้ำฝนแบบไร้โครงของบ๊อช แข็งแรงทนทานต่อแสงแดดแม้ว่าจะมีการปัดใช้งานมากกว่า 20,000 รอบ ก็ยังคงเหมือนเพิ่งติดตั้งใช้งานใหม่อยู่เสมอ

ใบปัดน้ำฝนแบบไร้โครง (Flat-Blade Wiper) ของ บ๊อช มีวางจำหน่ายออนไลน์ผ่านเว็ปไซต์ลาซาด้าในประเทศต่างๆ เช่น มาเลเชีย สิงคโปร ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และไทย และมีจำหน่ายในร้านอะไหล่ตัวแทนของบ๊อชทั่วทั้งเอเชีย

“เมดอินบ๊อช” มาตรฐานคุณภาพการผลิตเดียวกันทั่วโลก โรงงานผลิตอะไหล่ทดแทนของบ๊อชในเมืองฉางชา มีมาตรฐานการผลิตรวมถึงเครื่องจักรกลต่าง ๆ ครบทุกอย่างถอดแบบมาจากโรงงานผลิตใบปัดน้ำฝนของบ๊อชที่ตั้งอยู่ในเมืองเทียเนน ประเทศเบลเยี่ยม “เรามุ่งมั่นในการผลิตอะไหล่ที่มีคุณภาพที่โรงงานบ๊อชฉางชา โดยทีมออกแบบที่แข็งแกร่งของเรา ผนวกกับคุณภาพในการผลิตและการตรวจสอบคุณภาพที่เข้มงวดในระดับสูงสุดของเรา เป็นสิ่งที่เรายึดมั่นมาโดยตลอดเพื่อให้เป็นที่ยอมรับ และ เชื่อมั่น จากลูกค้าของเรา” ดร.นอร์แมน โรธท์ ประธานภูมิภาค บ๊อชอิเลคทริคัลไดรฟ์ เอเชียแปซิฟิค กล่าว

ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 เป็นต้นมา บ๊อช ได้ทุ่มงบประมาณในการศึกษาวิจัยและพัฒนามากถึง 70 ล้านหยวน (ประมาณ 350 ล้านบาท) ในโรงงานของ บ๊อช ฉางชา แห่งนี้ โดยมีการใช้เทคโนโลยีในการผลิตแบบอัตโนมัติ (Automation technology) มีพื้นที่ทั้งหมด 82,000 ตารางเมตร โดยได้แบ่งพื้นที่ 2,400 ตารางเมตร สำหรับใช้เป็นห้องแล็บสำหรับทำการศึกษาวิจัยและพัฒนา โดยมีผู้เชี่ยวชาญจำนวน 4,640 คน ประจำอยู่ที่นี่ ประกอบด้วยทีมงานทดสอบประสิทธิภาพ ทีมงานศึกษาและพัฒนานวัตกรรม โรงงานบ๊อช ฉางชา ถูกออกแบบให้เหมือนกับโรงงานผลิตของบ๊อชที่ตั้งอยู่ในประเทศเบลเยี่ยมทุกอย่าง

โครงการรณรงค์ขับขี่ปลอดภัยของบ๊อช ในชื่อ “เลือกอะไหล่ผิดเพียงชิ้นเดียว ก็ทำทุกอย่างพังได้” ฝ่ายอะไหล่ทดแทนของบ๊อช ได้เปิดตัวแคมเปญนี้ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยมีจุดประสงค์เพื่อรณรงค์ให้เกิดการขับขี่ปลอดภัย โดยการใช้อะไหล่ที่มีคุณภาพเชื่อถือได้กับยานพาหนะในเอเชีย กลุ่มเป้าหมายของการรณรงค์ในครั้งนี้ได้แก่ผู้ขับขี่ยวดยานพาหนะเป็นประจำ โดยจะชี้ให้เห็นถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้จากการไม่คำนึงถึงความสำคัญ ของคุณภาพอะไหล่รถยนต์

นางสาวหวัง หยู่เฟิ้ง ให้ความเห็นกับโครงการว่า “บ๊อช มุ่งให้ผู้ขับขี่ยวดยานตระหนักถึงการเลือกใช้อะไหล่ หากเลือกอะไหล่ใช้งานผิดเพียงแค่ชิ้นเดียว ก็จะทำให้เกิดความเสียหายมากมายตามมา ดังนั้นผู้ขับขี่ทุกคนจึงควรเห็นความสำคัญของการเปลี่ยนชิ้นส่วนหรืออะไหล่ทดแทน มิใช่คำนึงถึงราคาเพียงอย่างเดียว เจ้าของรถยนต์และช่างเครื่องยนต์สามารถไว้วางใจบ๊อชได้ และการตัดสินใจเลือกบ๊อชเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดต่อประสิทธิภาพการทำงานของรถยนต์และความปลอดภัยในการขับขี่

      สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคนิคในการเลือกที่ถูกต้อง #GetitRight สามารถติดตามได้ที่ www.startwithbosch.com

IIHS เผยคลิป Nissan Almera ทดสอบชนกับรถสมัย 20 ปีที่แล้ว

สถาบันทดสอบความปลอดภัยการชนแห่งสหรัฐฯ หรือ IIHS เผยคลิปทดสอบการชนระหว่างรถ Nissan Versa/Almera และ Nissan Tsuru เผยให้เห็นความแตกต่างของเทคโนโลยีความปลอดภัยรถใหม่เมื่อเทียบกับ 20 ปีที่แล้ว

Nissan Tsuru เป็นรถซีดานที่วางจำหน่ายในตลาดละตินอเมริกา ซึ่งเป็นโมเดลเดียวกับ Nissan Sentra รหัสตัวถัง B13 ที่เคยวางจำหน่ายในบ้านเราเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว แต่ยังคงทำตลาดอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันภายใต้ชื่อ Tsuru มีจุดเด่นที่ราคาถูก ซื้อหาได้ง่าย

อย่างไรก็ดี Nissan Tsuru กำลังจะถูกปลดออกจากตลาดในเร็ววันนี้ เนื่องจากไม่ผ่านข้อกำหนดความปลอดภัยในประเทศเม็กซิโกที่จะเริ่มบังคับใช้ในปี 2019 เป็นต้นไป สาเหตุมาจากรถคันนี้ไม่มีโครงสร้างรับแรงกระแทกที่ดีพอ รวมถึงไม่มีระบบความปลอดภัยพื้นฐานอย่างเบรกเอบีเอส และถุงลมนิรภัย

คลิปดังกล่าวได้นำเอา Nissan Versa (หรือ Almera ในบ้านเรา) มาทดสอบการชนกับ Nissan Tsuru ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแม้ Versa/Almera จะเป็นรถรุ่นเล็ก แต่ก็ถูกพัฒนาระบบความปลอดภัยให้ดีขึ้นกว่าสมัย 20 กว่าปีที่แล้วอย่างชัดเจน ซึ่งความเสียหายที่เกิดขึ้นกับ Tsuru นั้นเรียกได้ว่าผู้ขับขี่แทบไม่มีโอกาสรอดชีวิตเลย ขณะที่ Versa ถูกออกแบบโครงสร้างรองรับการกระแทก และมีถุงลมนิรภัยช่วยปกป้องผู้โดยสารได้ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด

จากคลิปดังกล่าวก็พอสรุปได้ว่า แม้ว่าเหล็กที่ขึ้นรูปสำหรับตัวถังจะมีความแข็งแรงแค่ไหน แต่หากเป็นการชนอย่างรุนแรง สิ่งสำคัญกว่าคือโครงสร้างภายในจะต้องออกแบบรับแรงกระแทกเพื่อปกป้องผู้โดยสารได้ดีที่สุด

     ทางที่ดีควรเริ่มต้นด้วยความไม่ประมาทจะดีที่สุด

2017 Toyota Fortuner ขุมพลัง 4.0 ลิตรใหม่ เปิดตัวอย่างเป็นทางการที่ดูไบ

2017 Toyota Fortuner ใหม่ ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีเครื่องยนต์เบนซินขนาด 4.0 ลิตรให้เลือกด้วย

ดีไซน์ภายนอกของ 2017 Fortuner ใหม่ ที่เปิดตัวในเมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ดังกล่าว ไม่แตกต่างจากเวอร์ชั่นไทย โดยมีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ได้แก่ EXR, GXR และ VXR และมีเฉพาะเครื่องยนต์เบนซินเท่านั้น

แต่จุดเด่นของ 2017 ฟอร์จูนเนอร์เวอร์ชั่นตะวันออกกลาง อยู่ที่ขุมพลังเบนซินแบบ V6 ความจุ 4.0 ลิตร VVT-i ให้กำลังสูงสุด 235 แรงม้า ที่ 5,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 375 นิวตัน-เมตร ที่ 3,800 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

ขณะที่รุ่น EXR ซึ่งเป็นรุ่นล่างสุด มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 2.7 ลิตร Dual VVT-i ให้กำลังสูงสุด 164 แรงม้า ที่ 5,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 245 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อเช่นกัน

ภายในห้องโดยสารถูกตกแต่งใกล้เคียงกับเวอร์ชั่นไทย แต่มีจุดเด่นอยู่ที่หน้าจอแบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว สำหรับผู้โดยสารแถวที่ 2 จำนวน 2 จอ สามารถรองรับ USB, HDMI และ SD Card พร้อมช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร แยกการทำงานจากเครื่องเสียงด้านหน้าได้อย่างอิสระ

     ราคาจำหน่าย 2017 Toyota Fortuner ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เริ่มต้นที่ราว 1.05 ล้านบาท ไปจนถึง 1.38 ล้านบาท

เปรียบมวย รถใหม่-รถมือสอง ซื้ออะไรดีกว่ากัน ….

ทุกวันนี้ต้องยอมรับว่าเงินทองเป็นของหายากการจะซื้อรถยนต์ที่มีค่า มีราคาต่างทำให้ผู้คนต้องคิดอยู่สม่ำเสมอ หนึ่งในเรื่องที่หลายคนคิดไม่ตก ก็คงไม่พ้นเมื้อวันหนึ่งคุณมีเงินจำนวนหนึ่ง คุณเปรียบเทียบว่าจะซื้อรถสักคัน ระหว่างรถใหม่ป้ายแดงขับคนแรก กับรถมือสองที่ผ่านบาทานิรนามผู้ใดมาแล้ว แบบไหน … จะซื้ออะไรดีกว่ากัน …

คำถามลักษณะนี้ผมเจอมาบ่อย เนื่องจากเข้าใจว่า คนเราจะซื้อรถทั้งที ต้องการความคุ้มค่าและเหมาะสมมากที่สุด แต่เราหลายคน ก็มีงบประมาณอย่างจำกัดในการเลือกซื้อเลือกหารถยนต์สักคัน ดังนั้นผมจะเปรียบเทียบให้ฟังว่า รถใหม่มีดีอย่างไร และ มือสองมีดีอย่างไร …

รถใหม่ ….

รถใหม่ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า มันเป็นรถยนต์ที่เพิ่งผลิตจากโรงงานยังไม่เคยถูกใครครอบครองเป็นเจ้าของมาก่อน รถใหม่เป็นรถที่ปัจจุบันได้รับความนิยม และหลายคนมั่นใจในการเลือกซื้อเลือกหา เนื่องจากมันไว้วางใจได้มากกว่าในเรื่อง คุณภาพในระหว่างการใช้งานมากกว่ารถยนต์ที่ผ่านมือมาแล้ว

1.ไม่เคยผ่านมือใคร รถใหม่มีข้อดีประการแรก คือคุณเป็นเจ้าของคนแรกเลยไม่เคยผ่านใครมาก่อน ดังนั้นเรื่องสภาพรถยนต์จึงฟิตปั๋งใช้ได้สบายใจหายห่วง สภาพรถเมื่อใช้งานไปจะดีไม่ดี เหลือแค่ปัจจุบันพฤติกรรมการขับขี่ของคุณเอง และคุณภาพการผลิต

2.มั่นใจได้ในคุณภาพตัวรถ ปัจจุบันรถยนต์ใหม่ๆ ที่ผลิตออกมา มีการรับประกันคุณภาพในการใช้งานด้วย ตอนนี้มาตรฐานคือ 3 ปี หรือ 1 แสนกิโลเมตร แล้วแต่ว่าอย่างใดจะถึงก่อน แต่ปัจจุบันก็มีบางรายที่รับประกันคุณภาพให้ถึง 5 ปี เลยทีเดียว

3.ออพชั่นทันสมัย รถรุ่นใหม่ๆ ในปัจจุบัน ต้องยอมรับว่ามันมีลูกเล่นเยอะมีความทันสมัยมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถยนต์นั่งขนาดเล็กในปัจจุบัน มีออพชั่นต่างๆมากมาย เทียบเท่ารถรุ่นใหญ่ สำหรับหลายคนของเล่นจุกจิกเหล่านี้อาจจะเรียกเงินในกระเป๋าคุณได้ดีพอๆ กับการหาอะไรใหม่ๆ มาตอบโจทย์ลูกค้า

4.ปลอดภัยมากกว่า เคียงข้างกับออพชั่นต่างๆที่เพิ่มมากขึ้น ความปลอดภัยก็เป็นอีกเรื่องที่ได้รับการพัฒนามาโดยตลอดหลายปี รถรุ่นใหม่ เจอการทดสอบชนที่เข้มงวดมากขึ้น มีการจัดเรทติ้งอย่างชัดเจนมากขึ้น ว่า  รถยนต์รุ่นไหนปลอดภัย และสามารถปกป้องได้ดีกว่า

5.เสียดอกเบี้ยและเงินดาวน์น้อยกว่า ปัจจุบันรถใหม่มีความน่าซื้อมากขึ้น เนื่องจากมีอัตราดอกเบี้ยถูกกว่ารถมือสองเท่าตัว และบางครั้งคุณก็อาจจะพบโปรโมชั่นเด็ดๆ เรื่องดอกเบี้ย 0% ก็มีให้เห็นบ่อยไป ที่สำคัญปัจจุบันวิธีการผ่อนชำระค่างวดรถใหม่ยังมีหลากรูปแบบมากขึ้น มีวิธีการผ่อนแบบ บอลลูน หรือสามารถปรับได้ตามกำลังของผู้เช่าซื้อ ซึ่งทำให้สะดวกมากในการผ่อนชำระ ยิ่งกับเงินดาวน์ ปัจจุบันรถบางรุ่น หมื่นเดียวก็ออกรถได้ แต่ต้องประวัติดีนะ …

รถมือสอง

ได้เวลามาดูทางด้านรถมือสองกันบ้าง …

ปัจจุบันรถมือสองเป็นตลาดรถยนต์ขนาดใหญ่ ที่มีผู้ขายจำนวนมาก ซึ่งรถยนต์มือสองก็มีแหล่งที้มาหลากหลาย เช่นมาฝากขาย , เต็นท์ซื้อมาขาย มีรถผู้บริหาร , รถทดสอบ , รถโดนไฟแนนซ์ยึด แล้ว ประมูลออกมาขาย … แต่ประเด็นที่หลายคนมักจะกลัวรถมือสอง ก็เนื่องจากไม่ทราบประวัติและข้อมูลรถ..มาก่อน …  แต่วันนี้ผมจะเอาข้อดีของรถมือสองมาบอกคุณ แล้วลองวชั่งใจดูแล้วกันครับ

1.ราคาเดียวกันได้รถใหญ่กว่า สมมุติ คุณมีงบในใจลอยๆ ว่าอยากได้รถสักราคา 5 แสนบาท รถมือสองอาจจะเป้นคำตอบที่ดีกว่า เนื่องจากคุณสามรารถซื้อรถที่มีขนาดใหญ่กว่ารถใหม่ได้ ในราคาเดียวกับที่ผมบอกถ้าคุณซื้อรถใหม่อาจจะได้เพียงรถยนต์อีโค่คาร์คันจิ๋วเท่านั้น แต่ถ้าซื้อมือสอง มีให้เลือกตั้งแต่ คอมแพ็คคาร์ไปยันซีดานกลาง

2.สามารถซื้อแบรนด์ระดับสูงได้ง่าย ในกรณีเดียวกันที่คุณสามารถซื้อรถที่มีขนาดใหญ่กว่าได้ รถมือสองยังไม่มีข้อจำกัดเรื่องของแบรนด์ ด้วย หลายครั้ง รถในราคา 54 แสน อย่างที่ผมยกตัวอย่าง ยังอนุญาตให้คุณย่างกรายเข้าไปยังกลุ่มรถยุโรปด้วย แม้ว่าอายุอานามอาจจะมากก็จริง แต่เรื่องฟังชั่นในการใช้งาน เผลอๆ ดีกว่า รถใหม่ที่ขายในตลาดด้วยซ้ำไป

3.สภาพวางใจได้ (แม้จะซื้อตามสภาพ) เรื่องดั้งเดิมที่หลายคนกลัวรถมือสองอย่างมาก คือ รถสภาพแย่ย้อมแมวขาย ออกมาดังทุกอย่างยกเว้นวิทยุ…อะไรแบบนั้น เรื่องแบบนี้ปัจจุบันเจอได้น้อยมาก เนื่องจากผู้ขายก็ไม่อยากเสียชื่อ ยิ่งปัจจุบันโลกโซเชี่ยลด้วย ถ้ารถมีปัญหาผู้ขายก็กลัวว่าจะเสียชื่อเสียง ดังนั้นเรื่องสภาพรถก็ขอให้ดูตามที่ต้องการ

4.ของครบ โดยมากรถมือสองจะมีของต่างมาค่อนข้างครบ อาจจะจากเจ้าของเดิม เช่น รถเพิ่งเปลี่ยนยางมา หรือ ประกันภัยยังใช้ได้อีกปีกว่า ของเหล่านี้เต๊นท์ หรือผู้ขายรถ โดยมากจะให้กับเจ้าของรายใหม่ไปเลย ซึ่งถือเป็นข้อดีที่คุณทุ่นค่าใช้จ่ายบางส่วนไปได้ไม่มากก็น้อย

4. หมดปัญหาเรื่องติดเครดิต บางครั้งคนเราก็ไม่ได้ตั้งใจทำเรื่องผิดพลาด เรื่องราวที่สำคัญอย่างการติดเครดิตบูโร ถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างร้ายแรงพอสมควร ในการทำธุรกรรมใดๆ ทางการเงิน สำหรับรถใหม่คุณหมดสิทธิที่จะเป็นเจ้าของเว้นแต่จะมีการลบประวัติไปแล้ว  จึงจะซื้อหาได้ แต่รถมือสองหลายครั้งไฟแนนซ์จะมองข้ามเรื่องแบบนี้ไป และอนุญาตให้คุณมีรถได้ แต่ก็ต้องยอมรับเรืองอัตราดอกเบี้ยที่แพงหูฉีก

5.มีแนวโน้มซื้อสดได้มากกว่า การซื้อรถมือสองมีข้อดีตรงที่มีโอกาสที่คุณอาจจะจบซื้อรถเงินสดมากกว่า และเป็นข้อดีที่สำคัญ ดีกว่าไปเสียอัตราผ่อนกับไฟแนนซ์ ยิ่งคุณมองรถในระดับ 2-3 แสน ผมแนะนำว่าซื้อสด …จะคุ้มค่ากว่า เนื่องจากเมื่อผ่อนแล้วคุณจะต้องเจอดอกเบี้ย และภาษีมูลค่าเพิ่มอีกราวๆ แล้ว คนซื้อรถมืองสองนี่โดนกันอ่วมทั่วหน้าเลยครับ…

การซื้อรถใหม่และรถมือสอง ต่างมีข้อดีต่างกันไป บางครั้งมันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยที่สำคัญ โดยเฉพาะเงินและงบประมาณที่เหมาะสมในการผ่อนชำระแต่ละเดือน แต่ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ทำให้คุณตัดสินใจเลือก จงเชื่อมั่นในตัวเองว่าคุณได้เลือกทางที่ถูกต้องแล้ว

cr. http://www.autodeft.com/buyingguide/new-car-vs-second-hand

check-credit